Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

ไส้กรองอากาศรถยนต์สำคัญอย่างไร


วันที่เผยแพร่: 20 พ.ค. 2568

แชร์ไปยัง

ไส้กรองอากาศรถยนต์สำคัญอย่างไร ควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน?

Key Takeaway

  • ไส้กรองอากาศรถยนต์ คือตัวกรองอากาศ ฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปสร้างความเสียหายกับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภายในห้องเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ได้

  • ไส้กรองอากาศรถยนต์ มี 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทกระดาษ ประเภทผ้า และประเภทสเตนเลส

  • ควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศเมื่อมีสิ่งแปลกปลอม ฝุ่นละอองสะสมในตัวรถยนต์ และรถยนต์มีอาการกินน้ำมันมากกว่าปกติ แอร์ดัง ควันดำ เครื่องยนต์มีอาการสั่น กำลังรถยนต์ตก และลมแอร์เบา

  • หากละเลยการเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ เศษฝุ่นละอองก็จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไส้กรองไม่สามารถดักจับฝุ่นละอองได้ เมื่อมีเศษฝุ่นอุดตัน เครื่องยนต์ก็จะทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ

  • ไส้กรองอากาศรถยนต์ ควรถอดออกมาเคาะหรือเป่าทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือควรมีการเปลี่ยนทุกๆ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการขับขี่ด้วยเช่นกัน

  • เปลี่ยนไส้กรองแอร์รถยนต์ที่ AUTOBACS โดดเด่นด้วย Double Check กับคอนเซปต์ 1 คนซ่อม 1 คนเช็ก ช่างมีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้บริการด้วยความจริงใจอย่างเป็นมืออาชีพ


ไส้กรองอากาศรถยนต์ เป็นส่วนหนึ่งในรถยนต์ที่โดนมองข้ามมากที่สุด ซึ่งผู้ใช้งานรถยนต์ไม่ควรปล่อยให้ไส้กรองเสื่อมสภาพไป เพราะอาจเป็นสาเหตุให้สิ่งสกปรกเล็ดลอดเข้าไปทำให้เครื่องยนต์ภายในสึกหรอได้ จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไส้กรองเป็นประจำ บทความนี้จะพาไปดูว่า จะเช็กได้อย่างไร ว่าควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ และต้องเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน ไปดูกัน

ไส้กรองอากาศรถยนต์ คืออะไร

ไส้กรองอากาศรถยนต์ คือตัวกรองอากาศ พร้อมดักจับฝุ่น รวมถึงสิ่งสกปรกอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เข้าสู่ห้องเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ได้ หากไส้กรองอากาศรถยบนต์ผ่านการใช้งานมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว เศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจเกิดการอุดตัน ส่งผลให้ตัวไส้กรองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ฝุ่นสามารถเล็กลอดเข้าไปในตัวเครื่องยนต์จนเกิดการเสียหายได้นั่นเอง

ไส้กรองอากาศรถยนต์ มีกี่ประเภท เลือกอย่างไร

ไส้กรองอากาศรถยนต์ ที่ขายอยู่ตามท้องตลาดในปัจจุบันนั้น มีอยู่หลายประเภท สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม และตามสะดวก ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น มาดูกันเลย 

ไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทกระดาษ

ไส้กรองอากาศรถยนต์ ประเภทกระดาษ หรือเรียกอีกอย่างว่าไส้กรองแบบแห้ง เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ถูกใช้งานทุกวัน อย่างเช่น รถพนักงานส่งของ รถรับจ้าง หรือรถขนส่งต่างๆ รวมไปถึงรถแท็กซี่ด้วย ซึ่งไส้กรองชนิดนี้ มีอัตราในการดูดกรองอากาศที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับไส้กรองชนิดอื่นๆ จึงต้องมีการเปลี่ยนไส้กรองที่บ่อย ข้อดีของไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทกระดาษคือสามารถดักจับฝุ่นได้ดีที่สุด ราคาค่อนข้างต่ำ ซึ่งราคาอยู่ที่ประมาณ 100 - 200 บาท แต่มีข้อเสียคือสึกหรอเร็ว ต้องหมั่นเปลี่ยนเป็นประจำ หรือทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 6 เดือน

ไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทผ้า

ไส้กรองอากาศรถยนต์ ประเภทผ้า เป็นที่นิยมค่อนข้างมาก เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้งานทุกวัน หรือตลอดเวลา แต่ใช้ในระดับที่ค่อนข้างบ่อย อย่างเช่น ใช้เฉพาะขับไปทำงานเท่านั้น ข้อดีของไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทผ้า คือมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หรืออยู่ที่ประมาณ 50,000 กิโลเมตร ซึ่งมากกว่าไส้กรองประเภทกระดาษถึง 3 เท่าเลยทีเดียว อากาศสามารถผ่านได้ดี และราคามีตั้งหลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน แต่มีข้อเสีย คือการดักจับฝุ่นอาจจะไม่ดีเท่าไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทกระดาษ

ไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทสเตนเลส

ไส้กรองอากาศรถยนต์ ประเภทสเตนเลส เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ต้องการเพิ่มกำลังม้า อย่างเช่นรถแข่ง ซึ่งไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทสเตนเลส เป็นที่หนึ่งในด้านการดูดอากาศเลย เพราะมีตัวกรองที่ละเอียดมาก อยู่ที่ประมาณ 0.75 ไมครอน ถ้าหากอากาศเข้าไปได้มากขึ้น ก็จะทำให้กำลังของรถยนต์นั้นมากขึ้นตามไปด้วย ข้อดีของไส้กรองอากาศรถยนต์ประเภทสเตนเลส คือมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างมากกว่าไส้ไส้กรองแบบกระดาษและแบบผ้า โดยจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 กิโลเมตร แต่ข้อเสีย คือด้วยรูอากาศที่ใหญ่มากขึ้นของไส้กรอง ประเภทสเตนเลส จะทำให้อากาศสามารถไหลผ่านเข้าไปได้เยอะมากขึ้น ทำให้เศษฝุ่นละออง ก็สามารถผ่านเข้าไปได้ง่ายมากขึ้นกว่าไส้กรองชนิดอื่นๆ 

อาการแบบไหนที่ต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ 

แล้วอาการแบบไหนที่บ่งบอกว่า ถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรองแอร์รถยนต์แล้ว มาดูวิธีสังเกตอาการ เช็กอาการแอร์ที่ผิดปกติ ซึ่งมีดังนี้

  • มีสิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอม หรือฝุ่นละอองต่างๆ ติดอยู่ตรงไส้กรอง

  • ฝุ่นละอองจับตัวเป็นก้อนแข็ง และกัดกร่อนไส้กรองเป็นรูรั่วขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ต่ำลง

  • รถยนต์กินน้ำมันมากกว่าปกติ

  • มีเสียงแอร์ดังแปลกๆ เกิดขึ้นในเครื่องยนต์ระหว่างที่สตาร์ตหรือขับรถ

  • เมื่อสตาร์ตรถแล้วเครื่องยนต์มีอาการสั่น

  • กำลังรถยนต์ตก หรือแผ่วลงในระหว่างที่กำลังขับขี่

  • รถยนต์มีควันดำ

  • ลมแอร์เบา แอร์ไม่ค่อยเย็นเหมือนเดิม

หากไม่เปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์เลย จะส่งผลเสียอย่างไร

หากละเลย มองข้าม ไม่หมั่นตรวจเช็กไส้กรองอากาศรถยนต์ เศษฝุ่นละอองเหล่านี้ก็จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่ของตัวไส้กรองอากาศรถยนต์ ทำให้ไส้กรองไม่สามารถดักจับฝุ่นละอองได้ และเศษฝุ่นอาจจะเล็ดลอดเข้าไปอุดตัน จับตัวเป็นก้อน ซึ่งส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งเศษฝุ่นเหล่านี้ ยังทำให้ไส้กรองอากาศตัน จนขวางทางเดินของอากาศ ทำให้อากาศนั้นไหลผ่านได้อย่างไม่สะดวก จึงทำให้ระบบเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติไป อย่างเช่น เครื่องยนต์มีอาการสั่น กำลังของเครื่องยนต์ตกหรือแผ่วลง และรถยนต์กินน้ำมันมากกว่าปกติ ถ้าหากผู้ใช้งานรถยนต์ หมั่นตรวจสอบและรีบแก้ไข ปัญหาต่างๆ เมื่อพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ก็จะไม่เกิดผลเสียต่อระบบเครื่องยนต์ ผู้ใช้งานรถยนต์หรือผู้โดยสาร

ขั้นตอนการเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ แบบมืออาชีพ

สำหรับขั้นตอนการเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ มีขั้นตอนในการเปลี่ยนแบบมืออาชีพ ได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. ให้เปิดฝากระโปรงรถยนต์ขึ้น ก็จะพบกับหม้อกรองอากาศ ซึ่งอยู่ติดกับลิ้นปีกผีเสื้อ

  2. หลังจากนั้นแกะกิ๊บล็อกของหม้อกรองออก เมื่อเปิดฝาหม้อกรองแล้ว ก็จะพบกับแผ่นกรองอากาศรถยนต์

  3. ถ้าพบว่าไส้กรองอากาศนั้นยังสกปรกไม่มาก ให้เอาไส้กรองออกมาเคาะๆ หรือใช้ลมเป่าที่ไส้กรอง แต่ถ้าพบว่า ไส้กรองมีความสกปรกมาก ก็ให้เปลี่ยนใหม่ทันที 

ควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ กี่เดือนครั้ง

ไส้กรองอากาศรถยนต์ ควรถอดออกมาเคาะหรือเป่าทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือควรมีการเปลี่ยนทุกๆ 1 ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการขับขี่และการใช้งานรถยนต์ อย่างเช่น ใช้รถยนต์ในสถานที่ที่มีฝุ่นมาก ขับรถลุยดิน ใช้รถยนต์ในบริเวณก่อสร้างถนน ซึ่งจะทำให้แผ่นกรองอากาศรถยนต์สกปรกได้เร็วกว่า จึงต้องถอดออกมาเป่าบ่อยๆ เพื่อเป็นการถนอมรถยนต์และรักษาสุขภาพของผู้ใช้งานรถยนต์ ทั้งนี้ เมื่อทำการเปลี่ยนไส้กรองแอร์รถยนต์แล้ว ผู้ใช้งานรถยนต์ควรทำการจดบันทึกไว้ด้วย ว่าได้ทำการเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อวันที่เท่าไร โดยให้จดไว้ทุกครั้งที่ทำการเปลี่ยนไส้กรองใหม่ เพื่อที่จะได้ไม่ลืม เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศอีกครั้ง

สรุป

ไส้กรองอากาศรถยนต์ คือ ชิ้นส่วนหนึ่งของระบบแอร์รถยนต์ มีหน้าที่หลักๆ คือ ช่วยกรองอากาศ หรือกรองเศษฝุ่นต่างๆ ไม่ให้เข้าไปสะสมในระบบเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้อากาศที่สะอาด ซึ่งจะช่วยให้ในห้องโดยสารของรถยนต์มีความสะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งไส้กรองอากาศรถยนต์มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม และการใช้งาน และควรถอดออกมาเคาะหรือเป่าทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือควรมีการเปลี่ยนทุกๆ 1 ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการขับขี่และการใช้งานรถยนต์ ถ้าหากละเลย มองข้าม ไม่หมั่นตรวจเช็กไส้กรองอากาศรถยนต์ เศษฝุ่นละอองเหล่านี้ก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่ของตัวไส้กรองอากาศรถยนต์ ทำให้ไส้กรองไม่สามารถดักจับฝุ่นละอองได้ ซึ่งส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ

สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนไส้กรองแอร์รถยนต์ หรืออยากมาตรวจเช็กสภาพรถยนต์ ที่ AUTOBACS โดดเด่นด้วย Double Check กับคอนเซปต์ 1 คนซ่อม 1 คนเช็ก สามารถนำรถยนต์มาเช็กสภาพได้ มีช่างที่มีความเชี่ยวชาญ งานละเอียดด้วยกระบวนการ “รายงาน – ติดต่อ – ขอคำปรึกษา” เพื่อให้ทุกการตัดสินใจรอบคอบมากที่สุด ช่วยสร้างความปลอดภัยบนถนน ผ่านการบริการด้วยความจริงใจและมืออาชีพ 

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top