
แนะนำวิธีเลือกน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
วันที่เผยแพร่: 15 พ.ค. 2568
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ดีไหม? แนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับรถคุณ
Key Takeaway
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือ น้ำมันเครื่องที่ผสมผสานระหว่างน้ำมันแร่และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดี ช่วยบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ในราคาที่ไม่แพงมาก
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ต่างจากน้ำมันเครื่องประเภทอื่นคือ ราคาที่ถูกและคุ้มค่ากว่า ช่วยให้มีอายุการใช้งานที่มากกว่าน้ำมันเครื่องปกติ โดยจะมีระบบถ่ายน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 10,000 กิโลเมตร
จุดเด่นของน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือ ช่วยบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพิ่มความหล่อลื่นลดแรงเสียดทาน ประหยัดน้ำมัน และเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ แต่ข้อเสียคือ ประสิทธิภาพการทำงานไม่ดีเท่าน้ำมันสังเคราะห์ และเสื่อมสภาพเร็วกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์
ความถี่ในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง สามารถเปลี่ยนได้สองแบบคือ เปลี่ยนตามระยะทางการขับขี่ และเปลี่ยนตามระยะเวลา โดยน้ำมันแต่ละประเภทจะมีกำหนดเวลาการเปลี่ยนที่ต่างกันไป
หากให้พูดถึงสิ่งสำคัญของการขับรถ เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้ได้อย่างยาวนานมีประสิทธิภาพหนึ่งในนั้นคือ น้ำมันเครื่องที่จะทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ และทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งได้มีน้ำมันเครื่องหลายประเภท โดยน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือหนึ่งในประเภทของน้ำมันเครื่องที่หลายคนเลือกใช้ เนื่องด้วยราคาที่ถูก และมีประสิทธิภาพดี
แล้วน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ดีอย่างไร แล้วการเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถยนต์ต้องดูอย่างไรบ้าง หาคำตอบได้ที่บทความนี้ ไปดูกันเลย
ทำความรู้จักกับน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือน้ำมันที่มีการใช้เทคโนโลยีสังเคราะห์จากน้ำมันธรรมชาติ (น้ำมันแร่) ผสมผสานกับสารสังเคราะห์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำมันสังเคราะห์ทั่วไป มีราคาประหยัดกว่า
ทำไมต้อง “กึ่งสังเคราะห์”
เนื่องจากน้ำมันสังเคราะห์มีราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผู้คนเริ่มนิยมที่จะผสมผสานเกรดน้ำมันเพื่อใช้งาน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเป็นการเปลี่ยนน้ำมันที่มีความหนืดต่ำมาใช้ขับขี่ ดังนั้นคนใช้รถจำนวนมากจึงหันมาใช้งาน น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ ที่มีราคาถูก และมีความหนืดต่ำกว่าน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ รวมทั้งยังมีคุณสมบัติสามารถใช้งานทั่วไปกับรถได้ทุกประเภทอีกด้วย
ความแตกต่างระหว่างน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และน้ำมันเครื่องประเภทอื่น
นอกจากน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์แล้ว ประเภทของน้ำมันเครื่องที่ใช้ในปัจจุบันนั้น หลักๆ จะมีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
น้ำมันเครื่องธรรมดา
น้ำมันเครื่องธรรมดา คือน้ำมันที่ได้รับการสกัดจากน้ำมันดิบ มีราคาที่ค่อนข้างถูก เหมาะสำหรับการใช้งานกับรถยนต์ทั่วไป แต่จุดด้อยคือจะมีอายุการใช้งานสั้น เสื่อมสภาพเร็ว ระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอยู่ที่ 5,000 - 7,000 กิโลเมตร หรือหากเป็นระยะสั้นจะอยู่ที่ 3,000 - 5,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ คือ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% ทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยป้องกันการสึกหรอได้ดี และสามารถทนทานต่อความร้อนได้ดี เหมาะกับการใช้งานกับรถยนต์ที่มีสมรรถนะการใช้งานที่สูง หรือรถยนต์ที่มีการใช้งานหนัก ซึ่งระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ที่ 10,000 - 20,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือ น้ำมันที่ผสมผสานระหว่าง น้ำมันเครื่องธรรมชาติและน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ปริมาณอย่างน้อย 10% ขึ้นไป ทำให้มีประสิทธิภาพการหล่อลื่นที่ดีกว่า และยังมีราคาที่ถูกและคุ้มค่ากว่า ช่วยให้มีอายุการใช้งานที่มากกว่าน้ำมันเครื่องปกติ โดยจะมีระบบถ่ายน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 10,000 กิโลเมตร
ข้อดีของน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ว่าข้อดีสำหรับการใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือราคาที่ถูกและคุ้มค่า นอกจากนี้น้ำมันประเภทนี้ยังมีข้อดีและจุดเด่นต่างๆ สำหรับเครื่องยนต์ ดังนี้
ปกป้องเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความที่น้ำมันกึ่งสงเคราะห์นั้นมันการผสมผสานระหว่างน้ำมันแร่และน้ำมันสงเคราะห์ ทำให้มีคุณสมบัติในการช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ รวมทั้งยังสามารถทนทานต่อความร้อนได้ดีกว่าน้ำมันแร่
เพิ่มความหล่อลื่นลดแรงเสียดทาน การใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือจะช่วยลดแรงเสียดทาน ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้น ลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้ยาวนาน
ยืดอายุการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง การใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สูงสุดถึง 10,000 กิโลเมตร ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องบ่อยๆ
ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ จะช่วยลดแรงเสียดทานเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามไปด้วย
เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ เพราะน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานของเครื่องยนต์ ป้องกันการเสื่อมสภาพของน้ำมัน ทำให้การขับขี่มีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
นอกจากข้อดีแล้ว การใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เองก็มีข้อจำกัดต่างๆ ดังนี้
คุณภาพไม่ดีเท่าน้ำมันสังเคราะห์แท้ ด้วยความที่เป็นน้ำมันที่ผสมกับน้ำมันแร่ ทำให้การทำงานจองน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ไม่สามารถทำได้เต็มที่เท่า น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เช่น การปกป้องเครื่องยนต์ในสภาวะที่ทำงานหนัก และอายุการใช้งานที่สั้นกว่า เป็นต้น
เสื่อมสภาพได้หากเผชิญสภาพแวดล้อมรุนแรง เข่น หากเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อนหรือเย็นจัด อาจทำให้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
เสื่อมสภาพเร็วกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ โดยน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ จะมีอายุการใช้งานสูงสุดที่ประมาณ 10,000 กิโลเมตร ต่างจากน้ำมันสังเคราะห์ 100% ที่มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10,000 กิโลเมตรขึ้นไป
วิธีการเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถยนต์
การเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถยนต์นั้น อย่าลืมพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพื่อให้ได้น้ำมันเครื่องที่สามารถใช้งานได้นานๆ และช่วยถนอมเครื่องยนต์ไปในตัว โดยวิธีการเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถยนต์ มีดังนี้
เลือกตามประเภทของรถยนต์และมาตรฐาน API
สำหรับมาตรฐาน API นั้นย่อมาจาก American Petroleum Institute ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรฐานสำหรับแบ่งเกรดคุณภาพน้ำมันเครื่องยนต์ ให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น การระบายความร้อน การหล่อลื่น เป็นต้น โดยวิธีการเลือกน้ำมันตามประเภทของรถยนต์และมาตรฐาน API จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
เครื่องยนต์เบนซินและแก๊ส ควรเลือกน้ำมันที่มีมาตรฐาน API โดยจะต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษร “S” ทั้งนี้จะมีการเรียงตั้งแต่ SA ถึง SP ที่ถือว่าเป็นมาตรฐานสูงสุด เช่น API SA หรือ API SB เป็นต้น ซึ่งเหมาะสมกับเครื่องยนต์เบนซินแบบฉีดตรง ทั้งติดเทอร์โบและไม่ติดเทอร์โบ
เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีมาตรฐาน API ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร “C” ซึ่งจะเรียงเป็น CA ไปจนถึง CK-4 ที่ถือว่าเป็นมาตรฐานสูงสุด ยกตัวอย่างเช่น API CA หรือ API CJ-4 เป็นต้น
หมายเหตุ การเลือกน้ำมันเครื่องตามมาตรฐาน API ควรเลือกจากคู่มือรถยนต์เป็นหลัก โดยน้ำมันที่มีมาตรฐาน API สูงกว่า สามารถใช้งานแทนที่น้ำมันที่มาตรฐาน API ต่ำกว่าได้
เลือกตามเบอร์ความหนืด (SAE)
การเลือกน้ำมันเครื่องตามเบอร์ความหนืด (SAE) เพื่อใช้งานในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนเป็นส่วนใหญ่ จึงได้มีการแบ่งระดับความหนืดเป็น “ความหนืด เลขตัวหลัง” ที่ระบุบนน้ำมันเครื่องเป็นหลัก เช่น เบอร์ 30 หรือเบอร์ 50 เป็นต้น ยิ่งตัวเลขมากขึ้น ความหนืดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งสามารถแบ่งระดับความหนืดได้ดังนี้
น้ำมันเครื่องเบอร์ 20 และ 30 เหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็ก รถใหม่ป้ายแดง หรือรถที่เน้นใช้งานภายในเมือง มีจุดเด่นในการช่วยประหยัดเชื้อเพลิง
น้ำมันเครื่องเบอร์ 40 เหมาะกับการใช้กับรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้วมากกว่า 10,000 กิโลเมตร สามารถใช้งานกับรถทั่วไป และมีคุณสมบัติการช่วยปกป้องเครื่องยนต์ในช่วงที่ใช้งานรถหนัก
น้ำมันเครื่องเบอร์ 50 เหมาะแก่การใช้งานกับรถที่มีอายุมาก ที่มีการกินน้ำมันเครื่องเยอะ เนื่องจากต้องเป็นการน้ำมันที่มีคุณสมบัติในการปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์
หมายเหตุ ในระหว่างที่ใช้งานหากพบว่าเกิดปัญหาน้ำมันเครื่องหาย ควรปรับเบอร์ความหนืดน้ำมันหรือใช้น้ำมันเครื่องที่มีสารปรับสภาพซีลยาง เพื่อการปกป้องเครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการกินน้ำมันเครื่องโดยไม่จำเป็น
เลือกตามประเภทของน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องแต่ละประเภท จะมีอายุการใช้งานที่ต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งอายุการใช้งานออกเป็น ดังนี้
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 10,000 - 20,000 กิโลเมตร หรือระยะเวลา 1 ปี
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือมีอายุการใช้งาน 8,000 - 10,000 กิโลเมตร หรือไม่เกิน 6 - 9 เดือน
น้ำมันเครื่องทั่วไป มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 5,000 - 8,000 กิโลเมตร หรือไม่เกิน 6 เดือน
หมายเหตุ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานน้ำมันเครื่องในระยะยาว ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีการสังเคราะห์แท้ หรือใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ กับรถที่ใช้งานหนัก
เลือกตามชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือก
อีกหนึ่งวิธีการเลือกน้ำมันเครื่อง ให้เหมาะกับเครื่องยนต์คือการเลือกตามชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือก โดยจะแบ่งออกเป็น ดังนี้
น้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมเอทานอล ได้แก่ E20 และ E85 ซึ่งจะต้องใช้น้ำมันที่ได้มาตรฐานสูง โดยจะต้องเป็น API SN ขึ้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันเกิดการเสื่อมสภาพเร็วเกินไป
น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล ได้แก่ B10 และ B20 จะต้องใช้น้ำมันที่มีมาตรฐานสูง เช่น API CI-4 ขึ้นไป เนื่องจากน้ำมันไบโอดีเซลอาจเข้าไปอุดตันไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง จนทำให้เกิดคราบน้ำมันเหนียวในเครื่องยนต์ ดังนั้นการใช้น้ำมันที่มีมาตรฐานดังกล่าว จะช่วยล้างสิ่งสกปรกที่เกิดในเครื่องยนต์ได้
ความถี่ในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 กรณีด้วยกันคือ การเปลี่ยนตามระยะทางและการเปลี่ยนตามระยะเวลา
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถยนต์ตามระยะทาง แต่ละประเภทของน้ำมันจะกำหนดระยะทางที่ต่างกันไป ดังนี้
น้ำมันเครื่องทั่วไป (ปิโตรเลียม) ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะทาง 5,000 - 8,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะทาง 8,000 - 10,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะทาง 10,000 - 20,000 กิโลเมตร
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถยนต์ตามระยะเวลา โดยน้ำมันแต่ละประเภทควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะเวลา ดังนี้
น้ำมันเครื่องทั่วไป (ปิโตรเลียม) ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะเวลา 6 เดือน
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะเวลาระหว่าง 6 - 9 เดือน
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี
สรุป
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คืออีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการดูแลเครื่องยนต์ในราคาที่ไม่แพงเกินไป ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ที่ผสมผสานระหว่างน้ำมันแร่และน้ำมันสังเคราะห์ ที่ทำให้น้ำมันเครื่องชนิดนี้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพไม่แพ้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ทั้งนี้การเลือกน้ำมันให้เหมาะสมต่อรถยนต์นั้น ควรดูตามประเภทของรถ และการใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้หมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเพื่อเป็นการบำรุงดูแลเครื่องยนต์
ส่วนใครที่ไม่รู้จะเลือกน้ำมันเครื่องที่ไหนดี ขอแนะนำเลือกน้ำมันเครื่องกับศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs ที่มีน้ำมันเครื่องให้เลือกแบบ ครบ จบ เพียงกรอกข้อมูลที่คุณต้องการเท่านั้น