
ประกันยางรถยนต์ เคลมอะไรได้บ้าง
วันที่เผยแพร่: 15 พ.ค. 2568
Key Takeaway
ประกันยางรถยนต์สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหากยางเสียหายจากอุบัติเหตุ โดยผู้ใช้รถไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น
หากยางแตกจากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี ประกันชั้น 1 บางบริษัทสามารถเคลมได้ 50 - 100% ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่ประกันชั้น 2 และชั้น 3 จะไม่สามารถเคลมได้
ข้อดีของการทำประกันยางรถยนต์กับร้านจำหน่ายยาง คือ คุ้มครองกรณียางรั่ว แตก หรือบวมจากเหตุไม่คาดคิด พร้อมบริการซ่อม-เปลี่ยนจากศูนย์ที่ร่วมรายการ ซึ่งสะดวกและครอบคลุมมากกว่า
ยางรถยนต์ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่โดยตรง หากเกิดความเสียหาย เช่น ยางรั่ว ยางบวม หรือยางระเบิด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและมีค่าใช้จ่ายตามมาค่อนข้างสูงโดยเฉพาะหากใช้ยางเฉพาะรุ่นหรือยางนำเข้า ดังนั้นประกันยางรถยนต์ จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากเหตุที่คาดไม่ถึง พร้อมเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นในทุกการขับขี่
โดยบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันยางรถยนต์แบบเจาะลึก ทั้งความคุ้มครอง เงื่อนไขในการเคลม ข้อยกเว้น และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้สามารถวางแผนเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายได้อย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น
ประกันยางรถยนต์คืออะไร?
ประกันยางรถยนต์ คือแผนความคุ้มครองที่ให้บริการเฉพาะกรณียางรถยนต์เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นกรณียางรั่ว ยางบวม ยางระเบิด หรือยางฉีกขาดจากการชนสิ่งกีดขวางบนท้องถนน โดยผู้เอาประกันสามารถเคลมเพื่อรับสิทธิ์ในการเปลี่ยนยางใหม่หรือซ่อมแซมตามระดับความเสียหายได้ โดยไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตนเอง ซึ่งประกันประเภทนี้มักมีระยะเวลาคุ้มครองที่แน่นอน เช่น 1 ปี นับจากวันที่เริ่มต้นคุ้มครองและอาจมีข้อกำหนดเรื่องจำนวนครั้งในการเคลมหรือราคายางที่สามารถเคลมได้ (ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัย)
ประกันยางรถยนต์สำคัญอย่างไร
ประกันยางรถยนต์มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยางที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ โดยผู้ใช้รถจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนยางใหม่หรือการซ่อมแซมตามความเสียหาย ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว ลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และยังเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเดินทางไกลหรือขับรถบนเส้นทางที่เสี่ยงต่อความเสียหายของยาง
แต่หากไม่มีประกันผู้ใช้รถจะต้องรับผิดชอบค่าเปลี่ยนหรือซ่อมด้วยตนเอง 100% ซึ่งในกรณีของยางเฉพาะรุ่นหรือยางนำเข้า ราคาอาจสูงถึงหลักพันในการซ่อมหรือหลักหมื่นบาทต่อเส้นในการเปลี่ยน
รถยางแตกเคลมประกันได้ไหม
สำหรับใครที่มีความกังวลว่ายางแตกเคลมประกันได้ไหม ขอตอบโดยแบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้
1. กรณีที่ยางแตกเกิดจากอุบัติเหตุและมีคู่กรณี
กรณีที่ยางแตกเกิดจากอุบัติเหตุและมีคู่กรณี เช่น การเฉี่ยวชนหรือชนกับรถคันอื่น ผู้เอาประกันสามารถแจ้งเคลมได้ทันที โดยบริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมหรือเปลี่ยนยางตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่ 50 - 100% ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยที่ถืออยู่ ระดับความเสียหายของยาง อายุการใช้งานของยาง และข้อกำหนดเฉพาะในกรมธรรม์ เช่น บางบริษัทอาจมีเงื่อนไขว่าหากยางมีอายุการใช้งานเกิน 1 ปี จะได้รับค่าสินไหมในอัตราลดลงตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้
2. กรณีที่ยางแตกเกิดจากอุบัติแต่ไม่มีคู่กรณี
กรณีที่ยางแตกเกิดจากอุบัติแต่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถตกหลุม ชนฟุตบาท หรือเหยียบเศษวัสดุบนถนนจนยางเสียหาย การเคลมจะพิจารณาตามประเภทของประกันภัยที่ผู้เอาประกันถืออยู่ โดยบางบริษัทอาจเคลมให้และใช้เงื่อนไขเดียวกับการมีคู่กรณี แต่บางบริษัทอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น ความเสียหายนั้นต้องเกิดถึงล้อแม็กหรือมีรอยเสียหายที่รถด้วยจึงจะเคลมได้
3. กรณียางแตกที่ไม่เข้าเงื่อนไขการเคลม
กรณียางแตกที่ไม่เข้าเงื่อนไขการเคลม หากยางแตกจากกรณีต่อไปนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วทุกบริษัทจะไม่สามารถเคลมได้
กรณียางเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน
ยางแตกจากการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม
ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท
ยางถูกดัดแปลงหรือไม่ใช่มาตรฐานจากผู้ผลิต
ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจซื้อหรือเคลมประกันยางรถยนต์ ควรอ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ให้รอบคอบ เพื่อทราบสิทธิประโยชน์ ข้อยกเว้น และเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน จะช่วยให้สามารถใช้ความคุ้มครองได้อย่างถูกต้องและไม่เกิดปัญหาในการเรียกร้องค่าสินไหมภายหลัง
เงื่อนไขการเคลมประกันยางรถยนต์ที่ควรรู้
ประกันยางรถยนต์มีด้วยกันหลายชั้น ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1, 2+, 3+, 2 และ 3 ซึ่งแต่ละประเภทมีเงื่อนไขการคุ้มครองที่แตกต่างกันดังนี้
1. ประกันชั้น 1
ประกันชั้น 1 เป็นประเภทที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดในบรรดาประกันยางรถยนต์ทั้งหมด ครอบคลุมตั้งแต่ความเสียหายยางแตกจากอุบัติเหตุจากการชนที่มีหรือไม่มีคู่กรณี รวมถึงเหตุสุดวิสัยต่างๆ หากมีหลักฐานชัดเจนและเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยความคุ้มครองในกรณียางแตกจะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทประกันภัย ดังนี้
บางบริษัทให้ความคุ้มครอง 100% สำหรับค่าซ่อมหรือเปลี่ยนยาง หากยางแตกจากอุบัติเหตุที่มีสาเหตุชัดเจน
บางบริษัทให้ความคุ้มครองเพียง 50% โดยการเคลมยางรถยนต์ประกันชั้น 1 พิจารณาจากอายุการใช้งานของยางและระดับความเสียหายที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ควรตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างรอบคอบ เพื่อให้เข้าใจขอบเขตความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับอย่างชัดเจนก่อนยื่นเคลม จะได้หมดความกังวลว่ายางแตกประกันจะเคลมไหม
2. ประกันชั้น 2+ และ 3+
ประกันยางรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนและมีคู่กรณีที่สามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจนเท่านั้น เช่น เฉี่ยวชนรถยนต์แล้วยางระเบิด ถูกรถคันอื่นเฉี่ยวชนจนยางฉีกขาด หรือการเบรกกะทันหันจากอุบัติเหตุจนทำให้ยางบวม หากยางเสียหายจากสาเหตุที่ไม่ใช่การชนกับรถคันอื่น เช่น เหยียบตะปู ชนฟุตบาท หรือตกหลุม จะไม่สามารถเคลมได้ภายใต้ประกันชั้น 2+ และ 3+
3. ประกันชั้น 2 และ 3
ประกันภัยชั้น 2 และชั้น 3 เป็นแบบพื้นฐานที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น โดยไม่ครอบคลุมถึงความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือเหตุสุดวิสัยใดๆ ผู้เอาประกันจะไม่สามารถเคลมค่าซ่อมหรือเปลี่ยนยางได้ ซึ่งประเภทอุบัติเหตุที่สามารถเคลมได้ภายใต้ประกันชั้น 2 และ 3 มีดังนี้
ความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก
ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.)
ดังนั้น หากต้องการความคุ้มครองในกรณียางเสียหายจากอุบัติเหตุหรือกังวลว่า รถยางแตกจะเคลมประกันได้ไหม แนะนำให้พิจารณาประกันชั้น 1 หรือแผนประกันยางรถยนต์เฉพาะทางเพิ่มเติม เพราะอาจเป็นทางเลือกที่มีความคุ้มครองครอบคลุมมากกว่า
ประกันยางรถยนต์ราคาเท่าไร ควรเลือกประกันแบบไหน?
การเลือกซื้อยางรถยนต์ใหม่ ไม่เพียงแค่ต้องพิจารณาราคา ขนาด หรือยี่ห้อเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงความคุ้มครองหลังการขายหรือประกันยางรถยนต์ด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว โดยรูปแบบของประกันมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ประกันจากผู้ผลิต ร้านจำหน่ายยาง ไปจนถึงบริษัทประกันภัย ซึ่งแต่ละแบบมีความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ประกันยางรถยนต์จากผู้ผลิต
ประกันยางรถยนต์จากผู้ผลิต (เช่น Bridgestone, Michelin, Goodyear) มักเป็นการรับประกันคุณภาพของยาง เช่น ความบกพร่องจากกระบวนการผลิต โครงสร้างยางผิดปกติ หรือปัญหาที่เกิดจากวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยทั่วไปประกันประเภทนี้จะมีอายุประมาณ 1-5 ปี นับจากวันที่ผลิตหรือวันที่ซื้อ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการเคลมยางรถยนต์ของแต่ละยี่ห้อ)
อย่างไรก็ตาม การรับประกันนี้จะไม่ครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุ เช่น ยางรั่วจากการเหยียบตะปู หรือยางแตกจากการตกหลุม ดังนั้นจึงเหมาะกับการใช้งานที่เน้นความมั่นใจในคุณภาพของยางมากกว่าความเสียหายจากภายนอก
2. ประกันยางรถยนต์จากร้านจำหน่ายยาง
ร้านจำหน่ายยางรถยนต์หลายแห่ง มักมีบริการเสริมเป็นประกันยางรถยนต์ สำหรับลูกค้าที่ซื้อยางจากร้าน โดยจะคุ้มครองความเสียหายจากการใช้งานจริง เช่น
ยางรั่วจากการเหยียบของมีคม
ยางแตกจากการตกหลุมหรือกระแทกแรง
ยางบวมจากการชนขอบถนน
โดยทั่วไปประกันจากร้านจะมีให้เลือกทั้งแบบรายเส้นและรายชุด มีระยะเวลาคุ้มครองประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี แล้วแต่แพ็กเกจที่เลือกซื้อ ซึ่งที่ Autobacs เป็นหนึ่งในร้านที่มีประกันยางรถยนต์ครอบคลุมถึงกรณีที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่จากอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดจากความเสื่อมสภาพตามการใช้งานปกติ และยังมีประเภทยางรถยนต์ให้เลือกเปลี่ยนได้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และลักษณะการขับขี่ที่แตกต่างกันอีกด้วย
3. ประกันยางรถยนต์จากบริษัทประกัน
ประกันยางรถยนต์ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของบริษัทประกันภัย มักจะรวมอยู่ในประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 โดยความเสียหายของยางรถยนต์จะสามารถเคลมได้เฉพาะในกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น ซึ่งราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่รวมความคุ้มครองในกรณีนี้จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นรถ อายุการใช้งาน และทุนประกัน โดยมีราคาประมาณ 12,000 – 25,000 บาทต่อปี (สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไป)
ดังนั้น หากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมกรณียางเสียหายจากอุบัติเหตุโดยมีคู่กรณี ประกันชั้น 1 ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการความคุ้มครองยางในทุกกรณี ควรพิจารณาประกันยางแบบแยกต่างหากเพิ่มเติมจากร้านจำหน่ายยางหรือผู้ผลิต เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
5 ข้อดีของการทำประกันยางรถยนต์จากร้านจำหน่ายยาง
การทำประกันยางรถยนต์จากร้านจำหน่ายยางเป็นทางเลือกที่สะดวกและเข้าถึงง่าย ช่วยให้ผู้ใช้รถได้รับความคุ้มครองในกรณียางเสียหายจากอุบัติเหตุโดยไม่ต้องพึ่งประกันภัยรถยนต์หลักเสมอไป ทั้งยังมีข้อดีอีกหลายประการ ดังนี้
1. ลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดความเสียหาย
การเปลี่ยนยางรถยนต์ 1 เส้นอาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งประกันยางจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ เพราะสามารถเคลมเพื่อเปลี่ยนยางใหม่ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตนเอง
2. คุ้มครองยางจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
ประกันยางจากร้านจำหน่าย สามารถคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากเหตุไม่คาดฝัน เช่น เหยียบตะปู ยางแตกจากการตกหลุม หรือชนขอบทางได้หากอยู่ในเงื่อนไขการเคลมยางรถยนต์ที่กำหนด ทำให้ผู้ใช้รถอาจไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดและช่วยลดความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมหรือเปลี่ยนยาง
เมื่อมีประกันยางรถยนต์จากร้านจำหน่าย ผู้ใช้รถสามารถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการที่ร่วมรายการได้ทันที ทั้งในส่วนของการตรวจสอบ ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนยางใหม่ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการหาช่างหรือร้านซ่อมเอง ช่วยให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว สะดวก และมั่นใจในคุณภาพจากช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐาน
4. ใช้ยางคุณภาพดีได้ในราคาที่คุ้มค่า
การมีประกันยางจะทำให้สามารถเปลี่ยนยางคุณภาพดีได้โดยไม่ต้องจ่ายเต็มราคา และบางแพ็กเกจประกันยังมีส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อเปลี่ยนยางใหม่ตามเงื่อนไขการเคลมยางรถยนต์ที่กำหนด จึงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคุ้มค่า โดยยังคงได้ใช้ยางที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูงเช่นเดิม
5. เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
เมื่อยางรถยนต์เกิดความเสียหาย ผู้ใช้รถสามารถเข้าเปลี่ยนยางใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องฝืนใช้ยางที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพเพราะกลัวว่าจะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ทำให้ได้ใช้ยางรถยนต์ที่มีคุณภาพอยู่เสมอและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ไปทุกเส้นทางอีกด้วย
วิธีดูแลยางรถให้ใช้ได้นานขึ้น
ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่ต้องรับภาระหนักในการขับเคลื่อนและยึดเกาะถนน จึงต้องการการดูแลรักษายางอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการขับขี่ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยตลอดเวลา โดยสามารถทำได้ดังวิธีการต่อไปนี้
เช็กลมยางควรเช็กลมยางและดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยตรวจสอบแรงดันลมทุก
1-2 เดือนหรือก่อนเดินทางไกล ใช้เกจวัดลมขณะที่ยางเย็นและเติมลมตามคู่มือรถเพื่อป้องกันการสึกหรอหรือเสี่ยงอุบัติเหตุ ตรวจสอบดอกยางว่ามีความลึกพอหรือไม่ หากตื้นเกินไปควรเปลี่ยนเพื่อรักษาประสิทธิภาพการเกาะถนน
การตั้งศูนย์ล้อรถยนต์ การตั้งศูนย์ล้อช่วยให้ล้อหมุนสมดุลและยางสึกหรอเท่ากัน
ทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ดีและลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน หากศูนย์ล้อไม่ตรงอาจทำให้ยางสึกเร็วและสูญเสียการทรงตัว ควรตั้งศูนย์ล้อทุก 10,000 กิโลเมตรหรือเมื่อพบอาการผิดปกติ
ใช้ยางให้เหมาะกับสภาพถนนและฤดูกาล การเลือกยางให้เหมาะสมกับสภาพถนน
และฤดูกาลช่วยเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน เช่น ยางสำหรับหน้าฝนมีร่องดอกลึกเพื่อป้องกันการลื่น ขณะที่ยาง All-Terrain เหมาะสำหรับทางวิบากและเพิ่มการยึดเกาะ หากใช้ยางไม่เหมาะสมอาจทำให้ยางสึกเร็วและเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
เช็กอายุและสภาพของยาง การตรวจสอบอายุและสภาพยางช่วยประเมินความ
ปลอดภัย โดยสามารถดูอายุยางจากรหัส 4 หลักบนแก้มยาง ควรสังเกตสภาพยาง เช่น รอยร้าวหรือบวม หากพบควรนำรถเข้าตรวจสอบทันที เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากยางเสื่อมสภาพ
เปลี่ยนยางเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม การเปลี่ยนยางเมื่อครบอายุการใช้งานหรือดอก
ยางสึกถึงระดับที่ไม่ปลอดภัยช่วยรักษาประสิทธิภาพการยึดเกาะและความปลอดภัย หากฝืนใช้ยางเสื่อมสภาพอาจเสี่ยงอุบัติเหตุ ควรเปลี่ยนยางทุก 4-5 ปี หรือเมื่อดอกยางเหลือ 1.6 มม. ตามมาตรฐานความปลอดภัย
สรุป
ประกันยางรถยนต์เป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจากเหตุไม่คาดคิด เช่น ยางรั่ว ยางแตก หรือบวมจากอุบัติเหตุเล็กน้อย โดยมีให้เลือกทั้งจากผู้ผลิต ร้านจำหน่ายยาง และบริษัทประกันภัย ซึ่งแต่ละแบบมีเงื่อนไขและความคุ้มครองแตกต่างกัน
หากสนใจทำประกันยางรถยนต์หรือมองหาบริการด้านยางที่ครบวงจร Autobacs คือทางเลือกที่น่าเชื่อถือ พร้อมให้บริการประกันยาง (Tire Warranty Plan) รวมถึงบริการเปลี่ยนยาง ซ่อมยาง ตั้งศูนย์ล้อ และตรวจเช็กสภาพยาง โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ สามารถมั่นใจได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและความคุ้มค่าในระยะยาว!