
ยางบวมเกิดจากอะไร พร้อมวิธีป้องกันก่อนเกิดอันตราย
วันที่เผยแพร่: 15 พ.ค. 2568
Key Takeaway
ยางบวมเกิดจากอะไร ยางรถบวมมักเกิดจากแรงกระแทกรุนแรง เช่น ขับตกหลุม หรือชนขอบฟุตบาท จนโครงสร้างภายในเสียหาย นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากแรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสม หรือการเสื่อมสภาพจากการใช้งานเป็นเวลานาน รวมถึงการใช้ยางที่ไม่ได้มาตรฐานอีกด้วย
ยางบวมทำให้โครงสร้างอ่อนแอเสี่ยงต่อการระเบิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วสูงอาจทำให้รถเสียสมดุลและควบคุมยาก เพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อช่วงล่างและระบบกันสะเทือนของรถ ทำให้ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงมากขึ้น
เทคนิคการป้องกันยางบวมคือหลีกเลี่ยงการขับรถตกหลุม หรือกระแทกขอบถนนด้วยความเร็วสูง ตรวจสอบและเติมลมยางให้เหมาะสมตามค่ามาตรฐานเป็นประจำ เลือกใช้ยางที่มีคุณภาพและเปลี่ยนยางตามอายุการใช้งาน
Autobacs ศูนย์บริการมาตรฐานจากญี่ปุ่น ให้บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ ตรวจเช็กแรงดันลม ตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างมืออาชีพ พร้อมยางคุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำเพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ป้องกันปัญหายางบวมและยืดอายุการใช้งานของยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยางบวมคืออาการที่หน้ายางหรือแก้มยางเกิดการปูดนูนผิดปกติ ซึ่งเกิดจากโครงสร้างภายในของยางได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ชั้นผ้าใบหรือโครงสร้างรับแรงดันลมเกิดการฉีกขาด ทำให้แรงดันลมภายในดันตัวออกมาเป็นลักษณะบวมที่เห็นได้ชัด สัญญาณที่สังเกตได้คือบริเวณแก้มยางหรือหน้ายางมีตุ่มนูนผิดปกติ ยางบวมเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้
มาดูกันว่าสาเหตุหลักของยางบวมเกิดจากอะไร? อันตรายแค่ไหน? มีวิธีแก้ยางบวมอย่างไร รถยางบวมขับได้ไหม? พร้อมเทคนิคป้องกันไม่ให้ยางบวมเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนที่ควรรู้ก่อนเดินทาง!
สาเหตุปัญหายางบวม เกิดจากอะไร?
หากถามว่ายางบวมเกิดจากอะไรนั้น ยางบวมสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดวิธี สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม รวมถึงคุณภาพของยางที่ใช้ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้โครงสร้างภายในของยางเสียหายและทำให้เกิดอาการบวมที่แก้มยางหรือหน้ายาง หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไขอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ เรามาดูกันว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ยางบวมมีอะไรบ้าง
1. การขับขี่ผิดวิธี
การขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระ การเบรกกะทันหัน หรือการเข้าโค้งแรงเกินไปอาจทำให้ยางได้รับแรงกระแทก ส่งผลให้โครงสร้างภายในของยางอาจเสียหายจนเกิดอาการบวมได้ หากขับขี่แบบไม่ระมัดระวังเป็นเวลานานจะทำให้หน้ายางและแก้มยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
2. ความดันลมยางไม่เหมาะสม
แรงดันลมยางที่ต่ำเกินไปทำให้โครงสร้างยางต้องรับแรงกดมากขึ้น เมื่อขับผ่านหลุมหรือกระแทกขอบถนน อาจทำให้โครงสร้างภายในเสียหายและเกิดยางบวมได้ ในทางกลับกัน หากเติมลมยางมากเกินไป โครงสร้างยางจะตึงเกินไปและมีโอกาสแตกหรือฉีกขาดง่ายขึ้น
3. ยางเบียดหรือกระแทกอย่างรุนแรง
หากขับรถชนขอบฟุตบาท ตกหลุมลึก หรือขับผ่านถนนที่มีสิ่งกีดขวางโดยไม่ได้ชะลอความเร็ว แรงกระแทกที่รุนแรงจะทำให้ชั้นโครงสร้างภายในของยางเสียหายและเกิดอาการบวมได้ การกระแทกซ้ำๆ อาจทำให้ยางอ่อนแอจนระเบิดได้
4. การบรรทุกน้ำหนักเกิน
การบรรทุกของหนักเกินกว่าค่าที่กำหนดของยาง ทำให้โครงสร้างยางต้องรองรับแรงกดที่มากเกินไป ส่งผลให้เนื้อยางเสียหายและเกิดการบวมที่หน้ายางหรือแก้มยาง ยิ่งใช้ยางที่ไม่ได้ออกแบบมารับน้ำหนักสูง ยิ่งเสี่ยงต่ออาการยางบวมและแตกได้ง่ายขึ้น
5. สภาพแวดล้อมในการใช้งาน
การขับขี่รถบนถนนที่มีสภาพไม่ดี เช่น ถนนขรุขระ ทางลาดชัน หรือพื้นที่ที่มีเศษหิน เศษแก้ว หรือของมีคม เป็นปัจจัยที่ทำให้โครงสร้างยางเสียหายได้เร็วขึ้น ยิ่งหากต้องขับขี่บนเส้นทางแบบนี้เป็นประจำโอกาสที่ยางจะบวมก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
6. อุณหภูมิและสภาพอากาศ
ความร้อนจากแสงแดดและอุณหภูมิสูงเป็นปัจจัยที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากยางได้รับความร้อนสะสมจากการขับขี่ระยะไกลหรือใช้ความเร็วสูง โครงสร้างภายในอาจอ่อนแอและเกิดการบวมได้ ในขณะเดียวกัน อากาศที่เย็นจัดก็ทำให้ยางแข็งตัวและเสี่ยงต่อการแตกร้าวได้ง่าย
7. คุณภาพยางไม่ได้มาตรฐาน
ยางที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพต่ำ หรือไม่ได้ผ่านมาตรฐานการผลิตที่ดีอาจไม่มีความทนทานเพียงพอ เมื่อใช้งานไปไม่นานอาจเกิดอาการบวมได้ง่าย ยางที่มีอายุการเก็บรักษานานเกินไป หรือไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพอาจมีโครงสร้างที่อ่อนแอกว่าปกติ
8. ยางเก่าเกินไป
ยางที่มีอายุการใช้งานเกิน 4-5 ปี แม้ว่าจะยังดูเหมือนใหม่แต่โครงสร้างภายในอาจเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ทำให้เกิดรอยแตกลายงาและอาจนำไปสู่อาการบวมได้ ยางที่หมดอายุแล้วยังมีความเสี่ยงสูงต่อการระเบิดขณะขับขี่ได้ตลอดเวลา จึงควรเปลี่ยนยางใหม่ตามระยะเวลาที่เหมาะสม
อันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากยางบวม
ยางรถบวมเป็นสัญญาณเตือนว่ายางรถยนต์ของคุณกำลังมีปัญหา หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ นี่คืออันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากยางบวม
ความเสี่ยงในการขับขี่ ยางบวมทำให้การควบคุมรถทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือบนถนนที่เปียกลื่นรถอาจเสียการทรงตัวและเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น ยางบวมทำให้พื้นผิวสัมผัสกับถนนไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้การยึดเกาะถนนลดลง
ความเสี่ยงต่อการระเบิด ยางบวมมีโครงสร้างที่อ่อนแอลงทำให้มีโอกาสระเบิดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือบนถนนที่มีอุณหภูมิสูง การระเบิดของยางอาจทำให้รถเสียการควบคุมและเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
ความเสียหายต่อรถยนต์ ยางบวมทำให้ช่วงล่างของรถยนต์ทำงานหนักขึ้น เนื่องจากยางไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ตามปกติ อาจทำให้ช่วงล่างของรถยนต์เสียหาย เช่น โช้กอัพ ลูกหมาก และระบบกันสะเทือน
สิ้นเปลืองน้ำมัน ยางบวมทำให้แรงต้านการหมุนของยางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รถยนต์กินน้ำมันมากขึ้น การขับขี่ด้วยยางบวมเป็นเวลานานอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ
วิธีตรวจสอบและแก้ไขปัญหายางบวม
การตรวจสอบและรู้วิธีแก้ไขปัญหายางบวมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ เริ่มต้นจากการตรวจสอบด้วยตาเปล่า โดยสังเกตบริเวณแก้มยางและหน้ายางว่ามีรอยนูน โป่งพอง รอยแตก หรือลักษณะผิดรูปทรงหรือไม่
นอกจากนี้การใช้เครื่องมือตรวจสอบ เช่น เครื่องวัดความดันลมยางและเครื่องวัดความลึกดอกยาง จะช่วยให้ทราบถึงสภาพยางได้อย่างละเอียด หากพบว่าความดันลมยางไม่เหมาะสมสามารถปรับให้ถูกต้องได้ หรือหากดอกยางสึกมากควรพิจารณาเปลี่ยนยางใหม่ อีกทั้งการสลับตำแหน่งยางเป็นประจำก็เป็นวิธีหนึ่งในการยืดอายุการใช้งานและสังเกตความผิดปกติของยางได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามหากพบว่ายางบวมอย่างเห็นได้ชัด มีรอยแตก หรือดอกยางสึกถึงระดับที่ไม่ปลอดภัยควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที เนื่องจากยางที่มีอาการบวมไม่สามารถซ่อมแซมได้และการฝืนใช้งานอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นจึงควรระมัดระวังและให้ช่างผู้ชำนาญทำการตรวจสอบและแก้ไขปัญหายางบวม เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
เทคนิคการป้องกันไม่ให้ยางบวม
ยางบวมเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้หากเราดูแลรักษายางอย่างถูกวิธี และนี่คือเทคนิคที่ช่วยป้องกันไม่ให้ยางบวม
ตรวจสอบความดันลมยาง การรักษาความดันลมยางให้เหมาะสมตามที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดจะช่วยให้ยางรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้อย่างถูกต้อง ความดันลมยางที่ต่ำเกินไปทำให้ยางเสียรูปทรง เกิดความร้อนสูง และควรตรวจสอบความดันลมยางเดือนละครั้งหรือก่อนออกเดินทางไกล
ตรวจสอบสภาพยางเป็นประจำ การตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอช่วยให้พบความผิดปกติของยางได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น รอยแตก รอยปริ หรือรอยนูน การพบปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้เราแก้ไขและป้องกันได้ ควรสังเกตแก้มยาง หน้ายาง และดอกยางอย่างละเอียด
เลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน การเลือกยางที่เหมาะสมกับประเภทรถยนต์และการใช้งาน จะช่วยให้ยางทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดยางบวม ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของยาง ประเภทของยาง และดัชนีความเร็วของยาง
ขับขี่รถให้ถูกวิธี การขับขี่รถอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือการขับขี่บนถนนที่ขรุขระ จะช่วยรักษาสภาพยางให้ดีอยู่เสมอ ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด และการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน การขับรถตกหลุมอย่างแรง หรือเบียดขอบถนน สามารถทำให้ยางบวมได้
สรุป
ยางบวมเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าโครงสร้างยางเสียหาย อาจเกิดจากการกระแทก แรงดันลมยางไม่เหมาะสม หรืออายุการใช้งาน การฝืนใช้ยางบวมต่อไปอาจเสี่ยงต่อการระเบิดได้ หรือทำให้ควบคุมรถยากขึ้น เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การป้องกันยางบวมทำได้โดยตรวจสอบแรงดันลมยางและสภาพยางสม่ำเสมอ เลือกยางให้เหมาะสมกับการใช้งานและขับขี่อย่างระมัดระวัง หากพบยางบวมควรรีบเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งาน
หากกำลังมองหายางรถยนต์ที่ได้คุณภาพ พร้อมบริการครบวงจร แนะนำให้เลือกซื้อและเปลี่ยนยางที่ Autobacs พร้อมให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญและบริการเปลี่ยนยางอย่างมืออาชีพ พร้อมทั้งช่วยดูแลรถยนต์ที่คุณรักแบบครบวงจร เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกการขับขี่