Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

ยางรถระเบิดเกิดจากอะไร สัญญาณเตือนที่ควรรู้


วันที่เผยแพร่: 15 พ.ค. 2568

แชร์ไปยัง

Key Takeaway

  • สาเหตุที่ยางระเบิดส่วนใหญ่เกิดจากความดันลมไม่เหมาะสม ยางเสื่อมสภาพ ใช้ยางไม่ได้มาตรฐาน บรรทุกน้ำหนักเกิน สภาพถนนไม่ดี และการขับขี่ที่ไม่ระมัดระวัง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ยางร้อนเกินไปหรือโครงสร้างยางอ่อนแอลงและนำไปสู่การเกิดยางระเบิดในที่สุด

  • สังเกตได้จากการสั่นผิดปกติของพวงมาลัยหรือตัวรถ เสียงแปลกๆ จากล้อหรือยาง และความรู้สึกที่พวงมาลัยบังคับยากขึ้นหรือรถดึงไปด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อพบอาการเหล่านี้ควรชะลอและหาที่จอดปลอดภัยเพื่อตรวจสอบทันที

  • ตรวจสอบแรงดันลมยางทุก 2 สัปดาห์ ตรวจเช็กสภาพยางและความลึกดอกยางอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการขับเร็วเกินไปโดยเฉพาะบนถนนไม่ดี และเปลี่ยนยางทุก 4-5 ปีแม้ โดยเลือกยางที่ได้มาตรฐานและเหมาะกับการใช้งาน



การเดินทางบนท้องถนนมาพร้อมความเสี่ยงหลายประการ และหนึ่งในอันตรายที่น่ากลัวที่สุดคือการเกิดเหตุการณ์ยางรถระเบิดขณะขับขี่ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของยางระเบิดเกิดจากอะไร สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม วิธีรับมือในยามฉุกเฉิน และแนวทางป้องกันเพื่อให้คุณเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น

ยางรถระเบิดอันตรายแค่ไหน?

คนส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญระหว่างยางรถกับพื้นถนน โดยเฉพาะขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง อาจทำให้รถเสียการควบคุม พุ่งออกนอกเส้นทาง หรือพลิกคว่ำได้ หากเกิดเหตุบนทางด่วนหรือถนนลื่น ความเสี่ยงต่อการชนกับรถคันอื่นจะยิ่งสูงขึ้น

เมื่อหนึ่งในสี่ล้อมีปัญหา ยานพาหนะจะเสียการทรงตัวไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อยางหน้าระเบิดจะสูญเสียการบังคับทิศทางไปทันที ทำให้ควบคุมรถยากมาก ส่วนยางหลังระเบิดอาจทำให้ท้ายรถปัดส่าย ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือหากยางด้านซ้ายระเบิดรถจะเฉไปทางซ้ายแล้วอาจสะบัดกลับไปมา แต่ถ้าเป็นยางด้านขวาโอกาสที่รถจะพลิกคว่ำจะสูงมาก โดยเฉพาะหากกำลังขับรถด้วยความเร็วสูง

สาเหตุของยางรถระเบิด

การเข้าใจสาเหตุหลักที่ทำให้ยางรถระเบิดจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงได้ ซึ่งจะมีรายละเอียดสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ ดังนี้

1. ความดันลมยางไม่เหมาะสม

ลมยางเป็นหัวใจของประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ ความดันน้อยเกินไปจะทำให้ยางบิดตัวมากขณะม้วนไปบนถนน ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมและยางระเบิด ในทางกลับกันหากลมยางมากเกินไปก็ทำให้ยางแข็งจนไม่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี เพิ่มโอกาสฉีกขาดเมื่อกระทบสิ่งกีดขวางได้

2. ยางเก่าเสื่อมสภาพ

ยางมีอายุการใช้งานไม่ว่าจะผ่านการวิ่งมากน้อยเพียงใด เนื้อยางและโครงสร้างจะเสื่อมตามกาลเวลา เมื่อใช้งานนานเกิน 4 ปี ความยืดหยุ่นของยางจะลดลงทำให้ยางรถระเบิดง่าย และทนต่อแรงเสียดทานได้น้อยลง แม้ภายนอกอาจดูดีแต่โครงสร้างภายในอาจเปราะบางไปแล้ว

3. การใช้ยางที่ไม่ได้มาตรฐาน

การประหยัดเงินด้วยการเลือกยางราคาถูกหรือยางเปอร์เซ็นต์ (ยางมือสองที่นำมาแกะดอกใหม่) นำมาซึ่งความเสี่ยง ยางเหล่านี้มักขาดความแข็งแรงในโครงสร้างพื้นฐานและไม่สามารถทนต่อแรงเหวี่ยงที่เกิดจากการใช้ความเร็วสูงได้ ยางที่ไม่เหมาะสมกับขนาดหรือประเภทรถก็เพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้ยางระเบิดได้เช่นกัน

4. บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด

ยางแต่ละเส้นถูกออกแบบให้รับน้ำหนักในช่วงที่กำหนด เมื่อบรรทุกเกินขีดจำกัดแรงกดทับจะเพิ่มความร้อนที่ยาง ทำให้โอกาสรถยางระเบิดสูงขึ้นโดยเฉพาะเมื่อรวมกับความเร็วสูง ความดันลมไม่เหมาะสมหรือสภาพถนนที่ไม่ดี

5. สภาพถนนไม่ดี

ถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ขรุขระ หรือมีเศษวัสดุแหลมคมเป็นศัตรูตัวร้ายของยางรถยนต์ การกระแทกหลุมอย่างแรงสามารถทำให้แก้มยางฉีกขาดได้ทันที และวัตถุแหลมคมอย่างตะปูหรือเศษแก้วอาจทิ่มทะลุผิวยาง ทำให้ลมรั่วช้าๆ หรือเกิดจุดอ่อนที่อาจยางระเบิดได้ในภายหลัง

6. สภาพอากาศแย่

แม้ว่าความร้อนจากพื้นถนนเพียงอย่างเดียวจะไม่ทำให้ยางระเบิด แต่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานานจะเร่งการเสื่อมสภาพของยาง โดยเฉพาะส่วนประกอบในยางเมื่อผนวกกับความดันลมที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความร้อน ยางที่มีอายุมากหรือมีปัญหาอยู่แล้วจะยิ่งเสี่ยงต่อการระเบิดสูง

7. พฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ระวัง

วิธีที่คุณขับรถมีผลโดยตรงต่อสภาพยาง การขับด้วยความเร็วสูงทำให้ยางร้อนขึ้น การเบรกกะทันหันหรือเลี้ยวหักมุมทำให้ยางถูกเสียดสีกับพื้นอย่างรุนแรง การขับชิดขอบทางหรือขอบฟุตพาทบ่อยๆ จะทำให้แก้มยางซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สุดได้รับความเสียหายสะสมจนทำให้เกิดยางระเบิดได้

สังเกตสัญญาณเตือนก่อนยางระเบิด

ก่อนที่ยางระเบิดมักมีสัญญาณเตือนให้เราสังเกต โดยมีข้อสังเกต ดังนี้

  • การสั่นของพวงมาลัยหรือรถยนต์ ความรู้สึกสั่นที่พวงมาลัยหรือตัวรถทั้งคัน คือสัญญาณอันตราย โดยเฉพาะหากอาการรุนแรงขึ้นเมื่อเร่งความเร็ว อาจเกิดจากยางไม่สมดุล ดอกยางสึกไม่เท่ากัน หรือยางเริ่มบวมผิดรูปร่าง และนำมาสู่การเกิดยางระเบิดได้

  • เสียงผิดปกติจากล้อหรือยาง เสียงดังผิดปกติจากล้อ ไม่ว่าจะเป็นเสียงกุกๆ เสียงฟู่ฟู่ เสียงตุบๆ หรือเสียงวิ้งเมื่อเลี้ยว อาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่ล้อหรือยาง เป็นสัญญาณการเกิดยางระเบิดได้หากปล่อยไว้

  • ความรู้สึกที่พวงมาลัยเปลี่ยนไป หากพวงมาลัยรู้สึกหนักขึ้นผิดปกติ หรือรถดึงไปด้านใดด้านหนึ่งโดยไม่มีสาเหตุ นั่นอาจเป็นเพราะยางกำลังมีปัญหา มีลมรั่ว หรือโครงสร้างกำลังเสียหาย ควรหยุดรถตรวจสอบทันที ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยางระเบิดขึ้น

วิธีรับมือเมื่อเกิดยางระเบิดระหว่างขับขี่

หากยางระเบิดขณะขับรถ การตอบสนองในช่วงไม่กี่วินาทีแรกมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินให้คุณทำดังนี้

ตั้งสติและไม่เหยียบเบรกแรงๆ

เมื่อเกิดเหตุการณ์รถยางระเบิด ยางแตก ปฏิกิริยาแรกของคนส่วนใหญ่คือการเหยียบเบรกอย่างแรง ซึ่งเป็นอันตรายมาก อันดับแรกให้ตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนกและปล่อยคันเร่งช้าๆ รักษาความเร็วให้คงที่สักพัก จากนั้นแตะเบรกเบาๆ เป็นจังหวะเพื่อค่อยๆ ลดความเร็วลง

ควบคุมรถให้มั่นคง

จับพวงมาลัยให้แน่น แต่ไม่เกร็งจนเกินไป พยายามประคองรถให้เคลื่อนไปในแนวตรงไม่เหวี่ยงไปมา ที่สำคัญ อย่าเหยียบคลัตช์และห้ามเปลี่ยนเกียร์ เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้รถลอยตัวและควบคุมได้ยากขึ้น

ลดความเร็วช้าๆ หาที่ปลอดภัยจอดรถ พร้อมกับเปิดสัญญาณเตือน

เมื่อรถเริ่มช้าลงให้เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนผู้ขับขี่คันอื่นๆ มองหาพื้นที่ปลอดภัยที่จะจอดรถ เช่น ไหล่ทางที่กว้างพอ หรือลานจอดรถแล้วค่อยๆ นำรถเข้าจอด และไม่บังคับพวงมาลัยแรงเกินไป เมื่อความเร็วลดลงมากแล้ว จึงเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงเพื่อใช้แรงเบรกของเครื่องยนต์ช่วย

ป้องกันยางระเบิดได้อย่างไร

การป้องกันคือวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับปัญหายางระเบิด สิ่งสำคัญคือการตรวจเช็กและเข้าใจความเสี่ยงจากการใช้งาน ซึ่งสามารถตรวจเช็กได้ ดังนี้

  • ตรวจสอบแรงดันลมยางสม่ำเสมอ ควรวัดแรงดันลมยางทุก 2 สัปดาห์ และก่อนการเดินทางไกล ทำการวัดขณะยางรถยนต์เย็นเพื่อค่าที่แม่นยำ ใช้เครื่องวัดคุณภาพดีและเติมลมตามค่าที่ผู้ผลิตรถแนะนำ ซึ่งมักติดอยู่ที่เสาประตูด้านคนขับหรือฝาปิดถังน้ำมัน

  • เช็กสภาพยางและดอกยางอยู่เสมอ ตรวจสอบด้วยตาเปล่าหาร่องรอยความเสียหาย แตก บวม หรือวัตถุแปลกปลอมที่อาจฝังอยู่ในยาง วัดความลึกดอกยางด้วยเครื่องวัดเฉพาะ โดยควรมีความลึกอย่างน้อย 1.6 มม. ทั่วทั้งหน้ายาง สังเกตการสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาอื่นๆ

  • หลีกเลี่ยงการขับขี่เร็วเกินไป การขับขี่เร็วเกินไปทำให้แรงเสียดทานและความร้อนสะสมในยางสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพและระเบิดได้ง่าย หากยางมีปัญหา การใช้ความเร็วที่เหมาะสม ช่วยควบคุมรถได้ดีขึ้นและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้

สรุป

ยางรถระเบิดเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายแต่สามารถป้องกันได้หากเรามีความรู้และใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอ สาเหตุหลักมักเกิดจากความดันลมไม่เหมาะสม ยางเสื่อมสภาพ การใช้ยางไม่ได้มาตรฐาน การบรรทุกน้ำหนักเกิน สภาพถนนไม่ดี และพฤติกรรมการขับขี่ที่เสี่ยงต่อการทำให้เกิดยางระเบิด

เมื่อสังเกตเห็นสัญญาณเตือนเช่นการสั่นผิดปกติ เสียงแปลกๆ จากล้อ หรือการบังคับพวงมาลัยยากขึ้น ควรหาทางจอดรถในที่ปลอดภัยเพื่อตรวจสอบทันที หากยางระเบิดระหว่างขับขี่ สิ่งสำคัญคือการตั้งสติ ไม่เบรกแรง และควบคุมรถให้มั่นคงขณะค่อยๆ ลดความเร็ว

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ เปลี่ยนยางรถยนต์ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตรวจสอบลมยาง ก่อนขับขี่เพื่อความระมัดระวังคือกุญแจสู่ความปลอดภัย ที่ Autobacs ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรจากประเทศญี่ปุ่นที่ให้บริการหลากหลาย มุ่งเน้นการให้บริการด้วยความจริงใจ โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ เครื่องมือทันสมัย เพื่อให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยในทุกเส้นทาง

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top