Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

ปัญหารถแบตหมดสตาร์ตไม่ติดทำอย่างไร พร้อมวิธีแก้


วันที่เผยแพร่: 9 ส.ค. 2567

แชร์ไปยัง

ปัญหารถแบตหมดสตาร์ตไม่ติดทำอย่างไร พร้อมวิธีแก้ที่คนมีรถควรรู้ไว้

Key Takeaway

  • เมื่อรถยนต์แบตกำลังจะหมด จะมีอาการเริ่มสตาร์ตติดยาก ระบบไฟผิดปกติ  และระบบล็อก ระบบกระจกรถก็จะเริ่มทำงานช้าลงเช่นกัน 

  • โดยสาเหตุที่แบตรถหมดมาจากการที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ แบตสกปรก มีฝุ่นเกาะ เปิดไฟทิ้งไว้ เกิดการรั่วไหลของไฟฟ้า หรือเพราะอากาศหนาวจัด หรือร้อนจัด

  • หากรถแบตเตอรี่หมด สามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยวิธีการพ่วงแบตเตอรี่จากรถยนต์ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องระมัดระวังด้วย เพราะหากพลาดนิดเดียว อาจทำให้รถระเบิดได้ และเป็นวิธีที่ช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น จึงควรนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์ให้บริการรถยนต์แบบครบวงจรดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน  



ปัญหารถแบตหมดสตาร์ตไม่ติดเป็นปัญหาที่ไม่ควรข้าม เพราะแบตเตอรี่ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เป็นเหมือนหัวใจหลักของรถยนต์ จึงไม่ควรที่มองข้ามถึงปัญหานี้ ที่บางครั้งมันอาจจะเล็กน้อย แต่มันอาจส่งผลกระทบจนบานปลายได้ ซึ่งปัญหาแบตรถยนต์หมดก็ถือว่าเป็นปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คน บทความนี้จึงจะพาไปดูว่าอาการรถแบตหมดจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง มีสาเหตุมาจากอะไร และมีวิธีการแก้ไขอย่างไร 

แบตรถยนต์ คืออะไร

หากพูดถึงหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ทุกชนิด แบตเตอรี่ ถือเป็นสิ่งนั้น โดยหน้าที่หลักของแบตรถยนต์ คือ การเป็นกล่องเก็บกระแสไฟฟ้า ที่ทำการแจกจ่ายพลังงานไฟให้รถยนต์สามารถสตาร์ตเครื่อง และทำให้รถยนต์ใช้งานได้ แบตรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อรถยนต์มาก 

ในกรณีอาการรถแบตหมด อาจเกิดจากอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ทัน อย่างตอนกลางคืนที่มีการใช้พลังงานมากเป็นพิเศษ ทำให้วงจรการทำงานจะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ อีกทั้งแบตรถยนต์ยังเป็นอุปกรณ์ช่วยจ่ายไฟตอนดับเครื่องยนต์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟหน้ารถ ไฟหลังรถ วิทยุ และแอร์ในรถตอนดับเครื่อง

อาการของรถ เมื่อแบตรถกำลังจะหมด

ผู้ใช้รถยนต์สามารถสังเกตอาการของรถได้ง่าย ๆ ก่อนที่แบตกำลังจะหมด ดังนี้

ระบบไฟรถผิดปกติ

เมื่อไรที่ระบบต่าง ๆ ภายในรถเริ่มไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟหลัง และไฟเลี้ยวทุกดวงทุกด้าน รวมไปถึงไฟในห้องโดยสาร ที่มีความสว่างน้อยลงกว่าปกติ บางทีอาจจะประสบปัญหากรณีไฟมีอาการติด ๆ ดับ ๆ กระทั่งเวลาบีบแตรจะมีเสียงเบาจนเกินไป ปัญหาเหล่านี้อาจเป็นอาการรถแบตหมด ที่จะทำให้ตัวประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอ ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน อาจจะทำให้รถแบตหมดได้ 

รถเริ่มสตาร์ตติดยาก

การที่อยู่ ๆ รถของคุณมีอาการสตาร์ตติดยาก จากที่ก่อนหน้านี้สามารถสตาร์ตได้ง่าย ให้รู้ไว้เลยว่ารถยนต์กำลังสูญเสียพลังงาน หรืออาการรถแบตหมดนั่นเอง เพราะประจุไฟฟ้าที่จะแจกจ่ายทุกส่วนในรถยนต์มันไม่พอ ปัญหาอาจเกิดจากการทิ้งรถยนต์ในช่วงเช้าที่มีอากาศเย็นจัด หรือการจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานหลายวัน ทำให้เวลาที่จะสตาร์ตรถ จะได้ยินเสียงมอเตอร์สตาร์ตหมุนช้าไม่มีแรง กรณีนี้ลองพ่วงชาร์จก่อน ถ้าเครื่องติดขับได้ปกติ แสดงว่าไดชาร์จไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเครื่องไม่ติดรถแบตหมด แสดงว่าแบตเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว

ระบบล็อกและกระจกรถทำงานช้าลง

ระบบล็อก และกระจกของรถยนต์เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวรถยนต์ปลอดภัย ด้วยกระจกจะช่วยบังแสงแดด และกันฝุ่นเข้ามาในรถ ส่วนระบบล็อกประตูช่วยให้การเปิด-ปิดประตูรถแน่นสนิท แต่เมื่อไรที่สิ่งเหล่านี้มีปัญหา การกดปุ่มเลื่อนกระจกเวลากดขึ้น-ลง จะขึ้นสุดลงสุดทันที แต่ถ้ารถแบตหมด การขึ้นลงของกระจกจะช้า และมีเสียงมอเตอร์กระจกส่งเสียงแปลก ๆ และทำงานแบบหนืด ๆ ไม่มีกำลัง

สาเหตุของปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์หมด 

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์หมด มีดังนี้ 

แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ รถยนต์อาจประสบปัญหารถแบตหมดได้ เพราะแบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าเอาไว้ได้ดีพอ หรือจะเป็นไดชาร์จทำงานผิดปกติ ทำให้ประจุไฟเข้าไปในแบตน้อยกว่าปกติ ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สิ่งนี้จะทำให้ประจุไฟฟ้าเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ไม่ได้เลย  

การเปิดไฟรถทิ้งไว้

ใครที่ชอบลืมปิดไฟรถก่อนลงจากรถ หรือเปิดไฟรถทิ้งไว้ อาจทำให้รถแบตหมดได้ แม้จะมีรถยนต์บางรุ่นที่มีการออกแบบไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ถ้ามีการเปิดไฟทิ้งไว้เองสักพัก พอหลังจากนั้นจะปิดลงอัตโนมัติ แต่เมื่อไรที่ระบบเกิดตัดไฟผิดพลาด อาจทำการจ่ายไฟตลอดเวลาที่ไม่ได้ขับรถ ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการรถแบตหมดนั่นเอง

เกิดการรั่วไหลของไฟฟ้า

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ถ้าเกิดการรั่วไหลของระบบไฟภายในขึ้นมา นี่จะเป็นสาเหตุสำคัญไม่แพ้สาเหตุอื่น ๆ ที่ส่งผลให้แบตเตอรี่หมดได้ไว และทำให้แบตเสื่อมสภาพได้

แบตเตอรี่สกปรก

เมื่อไรที่ขั้วแบตเตอรี่รถยนต์มีสนิม หรือเรียกว่าเป็นคราบขี้เกลือติดอยู่ เมื่อนั้นจะทำให้เกิดการขัดขวางการทำงานของระบบชาร์จ และตัวมอเตอร์เองจะไปดึงกระแสไฟฟ้าให้หมดไป

อากาศหนาวหรือร้อนจัด

อากาศที่หนาว หรือร้อนมากเกินไป ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบภายในเครื่องยนต์รถยนต์ได้เสมอ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ เพราะจะไปกระตุ้นให้แบตรถยนต์มีอุณหภูมิเกินอัตราที่ตัวแบตรับได้ เพราะฉะนั้น เจ้าของรถต้องสังเกตอุณหภูมิรถไว้ให้ดี เพื่อป้องกันอาการรถแบตหมด

รถแบตหมด แก้ไขได้อย่างไรบ้าง

หากเกิดปัญหารถแบตหมด สามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยวิธีการพ่วงแบตเตอรี่จากรถยนต์ ทำได้ดังนี้

  1. ปิดสวิตช์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าของรถยนต์ จากนั้นให้รถทั้งสองคันหันหน้าเข้าหากัน เพื่อความสะดวกในการต่อสายพ่วงกับแบต ข้อควรสำคัญคือห้ามให้เกิดประกายไฟบริเวณใกล้รถเด็ดขาด

  2. นำสายพ่วงรถยนต์ที่เป็นขั้วบวก ซึ่งมีลักษณะสีแดง ทำการหนีบกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของรถที่แบตหมด จากนั้นนำสายพ่วงขั้วบวกอีกด้านต่อกับรถที่มีแบต 

  3. นำสายพ่วงแบตรถยนต์ที่เป็นขั้วลบ ซึ่งมีลักษณะสีดำ ไปต่อกับแบตรถยนต์ขั้วลบของรถที่จะจ่ายไฟให้ และอีกฝั่งหนึ่งหนีบโลหะในเครื่องยนต์ของรถที่แบตมีปัญหา การทำแบบนี้จะช่วยสร้างระบบกราวนด์แบตเตอรี่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องต่อเข้าขั้วโดยตรง เพราะโลหะจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่จะส่งตรงไปยังตัวแบตได้ทันที 

  4. สตาร์ตเครื่องยนต์รถคันที่จะมาช่วยจ่ายไฟให้ ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที จากนั้นเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องยนต์ และเพื่อให้ประจุไฟฟ้าในแบตไหลเวียน 

  5. สตาร์ตรถคันที่แบตหมด เหยียบคันเร่งในอัตรา 1,500-2,000 รอบต่อนาที เพื่อตรวจสอบว่ามีประจุไฟฟ้าเข้าไปในแบตดีหรือไม่ เพื่อป้องกันการหลุดรั่ว 

  6. เมื่อทำการชาร์จเสร็จแล้ว ให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ โดยเริ่มถอดสายสีดำคันที่แบตหมดก่อน จากนั้นค่อยถอดคันที่มาช่วยจ่ายไฟ

  7. ขั้นสุดท้าย ให้ถอดสายสีแดงของรถคันที่จ่ายไฟก่อน แล้วค่อยถอดของคันที่มีปัญหาเรื่องแบตหมด 

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นวิธีการแก้ไขรถแบตหมดได้เบื้องต้นเท่านั้น อาจจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ในทางที่ดีควรไปที่ศูนย์ให้บริการด้านรถยนต์แบบครบวงจรจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน 

 

เลือกศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ยังไงดี

หากจะเลือกศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ต้องดูจากอะไรบ้าง ตามไปดูกัน

1. เลือกศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

อย่างที่ทราบกันดีว่า อะไรก็ตามที่เป็นเครื่องยนต์ ระบบการทำงานภายในต้องมีความซับซ้อน และละเอียดอ่อน ดังนั้น ผู้ที่ทำการตรวจเช็กสภาพรถเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้คุณ ควรเป็นช่างที่ชำนาญการ เชี่ยวชาญในการตรวจเช็กเฉพาะด้าน และทางศูนย์ต้องมีช่างที่ถนัดในทุก ๆ ด้าน เพื่อแก้ปัญหารถแบตหมดได้ และเพื่อให้คุณได้วางใจว่ารถคุณจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง และปลอดภัย 

2. เลือกศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีบริการครบวงจร

ทุกครั้งที่มีการนำรถยนต์ไปตรวจเช็กสภาพรถแต่ละครั้ง ควรตรวจสภาพรถทั้งคันให้ครบถ้วน ดังนั้น ถ้าไม่สะดวกที่จะนำรถเข้าศูนย์บริการของผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนั้น ๆ ก็ไม่ควรนำไปเข้าศูนย์รถที่ไม่ตรงยี่ห้อของรถ และที่สำคัญควรเลือกศูนย์ดูแลรถยนต์ที่ให้บริการรถแบตหมด หรืออื่น ๆ อย่างครอบคลุมทุกบริการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนกระจก ล้อยาง ระบบแอร์ ระบบเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และอื่น ๆ อีกมากมาย การที่คุณเลือกใช้บริการเพียงแห่งเดียวที่ดูแลครบวงจร จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปเช็กรถหลาย ๆ ที่ 

3. เลือกศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีราคาสมเหตุสมผล

การนำรถเข้าศูนย์ซ่อมเพื่อเช็กอาการรถแบตหมดแต่ละครั้ง ย่อมต้องเสียค่าซ่อมในราคาที่สมเหตุสมผล โดยการซ่อมตัวแบต กับการเปลี่ยนแบต ราคาที่เสียไปก็ต้องต่างกันไปคนละแบบ หากการซ่อมมีราคาใกล้เคียงกับการเปลี่ยนแบตมาก ก็ทำการเปลี่ยนแบตใหม่เลยจะดีกว่า เพราะคุ้มมากกว่า 

4. เลือกศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีพาร์ตเนอร์บัตรเครดิต

เลือกศูนย์ที่เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีพาร์ตเนอร์บัตรเครดิต จะช่วยให้คุณได้รับส่วนลดพิเศษ อีกทั้งยังได้รับคะแนนบัตรเครดิตในการสะสมแต้ม สิทธิ์เหล่านี้จะมีประโยชน์ให้คุณได้มีสิทธิ์เข้าร่วมโปรโมชันผ่อน 0% ซึ่งจะช่วยให้คล่องตัวในการชำระ และไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ให้ประสบปัญหาทางการเงิน 

5. เลือกศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีสถานที่นั่งรอให้บริการ

เมื่อนำรถเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์จากการที่รถแบตหมด ควรเลือกศูนย์ที่มีสถานที่นั่งรอให้บริการ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายระหว่างรอรับรถ ทั้งยังเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับคุณเมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ที่เจ้าของรถควรทราบก็จะได้ปรึกษาทีมซ่อมทันที 

เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่ AUTOBACS ดีกว่ายังไง

หากรถประสบปัญหารถแบตหมด ลองไปเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ที่ AUTOBACS เพราะที่นี่เป็นศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นที่ครองใจคนใช้รถยนต์ทั่วประเทศ หากนำรถมาตรวจเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ คุณจะได้รับบริการที่ประทับใจแน่นอน เพราะช่างมีความชำนาญเฉพาะทาง นอกจากช่วยดูเรื่องแบตเตอรี่หมดได้แล้ว ทางทีมช่างสามารถวิเคราะห์ปัญหาแบตหมด รวมถึงสามารถบอกอายุการใช้งานที่เหลือว่าจะสามารถใช้ได้อีกนานแค่ไหน

เมื่อตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เสร็จแล้ว ทางศูนย์จะแจ้งราคาให้ทราบ โดยราคานั้นมีความเหมาะสม และสมเหตุสมผล พร้อมช่องทางการจ่ายเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายผ่านเงินสด โอนผ่านธนาคาร รวมไปถึงการใช้บัตรเครดิต ที่มีพาร์ตเนอร์บัตรเครดิตครบ และที่สำคัญที่นี่มีสถานที่ให้นั่งรอระหว่างให้บริการอีกด้วย รับรองว่าสะดวกกว่าที่ไหน ๆ แน่นอน

สรุป

รถแบตหมดเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด เมื่อไรที่แบตหมดนั่นถือว่าระบบภายในจะไม่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังส่วนอื่น ๆ ได้ ซึ่งส่งผลให้ระบบล็อกทำงานไม่ได้ กระจกเกิดอาการฝืด ระบบไฟมีอาการผิดปกติ เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวดับ และอีกหลายสารพัดปัญหา วิธีการแก้ปัญหาที่ดีคือการนำรถไปที่ศูนย์ซ่อม เพื่อให้ทางช่างเฉพาะทางได้ตรวจเช็กสภาพแบตรถ และดำเนินการซ่อม 

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top