Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

ไดสตาร์ตเสียมีอาการอย่างไร เช็กให้รู้ก่อนสตาร์ต


วันที่เผยแพร่: 15 พ.ค. 2568

แชร์ไปยัง

ไดสตาร์ตเสียมีอาการอย่างไร? วิธีเช็กให้รู้ก่อนสตาร์ตรถไม่ติด

Key Takeaway

  • ไดสตาร์ต เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์ ที่จะทำหน้าที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงาน ด้วยการเปลี่ยนพลังจากไฟฟ้า ให้เป็นพลังงานกลหลังจากที่คนขับทำการบิดกุญแจสตาร์ต 

  • อาการไดสตาร์ตเสีย สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน การที่มีเศษสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน หรือน้ำเข้าไปในบริเวณไดสตาร์ตจนเกิดสนิม เป็นต้น

  • หากพบว่าอาการที่สงสัยว่าไดสตาร์ตเสีย สามารถทำการตรวจสอบด้วยตัวเองก่อนนำรถไปซ่อม ด้วยการ เช็กแบตเตอรี่ ตรวจเช็กสายไฟ และตรวจดูความสะอาดบริเวณไดสตาร์ต ว่ามีการบกพร่องเสียหายหรือไม่

  • การบำรุงรักษาให้ไดสตาร์ต สามารถมีอายุการใช้งานได้นานๆ สามารถทำได้โดยปรับพฤติกรรม เช่น การไม่บิดกุญแจค้าง การหมั่นดูแลความสะอาดเครื่องยนต์ และป้องกันไม่ให้มีน้ำเข้าไปบริเวณไดสตาร์ต เป็นต้น


รถยนต์เมื่อใช้งานมานานๆ อาจเกิดปัญหาหรืออะไหล่เสีย เสื่อมตามกาลเวลาและการใช้งานได้ ซึ่งหนึ่งในปัญหากวนใจของคนใช้รถคือ รถสตาร์ตไม่ติดที่มักเกิดจาก ไดสตาร์ตเสีย หรือเกิดจากอาการถ่านไดชาร์จ หมด ซึ่งนำมาสู่คำถามยอดฮิตคือ ไดชาร์จเสียซ่อมได้ ไหม การซ่อมไดสตาร์ตทำอย่างไร และจะสามารถเช็กได้จากอะไรบ้าง

โดยบทความนี้จะมาแนะนำถึงเทคนิคการซ่อมไดสตาร์ตด้วยตนเอง รวมถึงวิธีการเช็กอาการไดสตาร์ตเสื่อมมีอาการแบบไหน และต้องรับมืออย่างไรบ้าง

ทำความรู้จักกับไดสตาร์ต

ไดสตาร์ต คืออุปกรณ์สำคัญที่จะทำหน้าที่สตาร์ตให้เครื่องยนต์ทำงาน โดยการทำงานของไดสตาร์ตจะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า ให้เป็นพลังงานกลหลังจากที่ทำการบิดกุญแจ ซึ่งไดสตาร์ตจะใช้กระแสไฟฟ้าแรงดันต่ำที่ส่งจากแบตเตอรี่เข้าไปยังระบบคอยล์จุดระเบิดและหัวเทียนรถยนต์ 

ไดสตาร์ตเสียเกิดจากสาเหตุอะไร

ไดสตาร์ตอาจไม่ได้เป็นชิ้นส่วนที่ทำงานหนักเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ส่วนอื่นๆ แต่ก็สามารถเสียจากการเสื่อมสภาพ หรือใช้งานหนักไม่ต่างจาก ชิ้นส่วนอื่นๆ โดยสาเหตุที่ไดสตาร์ตเสีย เกิดจากสาเหตุดังนี้

  • ไดสตาร์ตเสื่อมอายุการใช้งานตามกำหนด

  • สิ่งสกปรกที่เข้าไปในบริเวณไดสตาร์ต จนเกิดการกัดกร่อนและส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานขัดข้องได้

  • สายไฟที่เชื่อมต่อไปยังไดสตาร์ตหลวมหรือขาด

สัญญาณเตือนไดสตาร์ตเสียเป็นอย่างไร

ก่อนที่จะไปรู้จักวิธีซ่อมไดสตาร์ต เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าสัญญาณเตือนอาการไดสตาร์ตเสื่อมหรือเสียเป็นอย่างไร เพื่อเกิดความเข้าใจและสามารถรับมือได้อย่างถูกต้อง

สตาร์ตเครื่องไม่ติด

สำหรับอาการรถสตาร์ตเครื่องไม่ติด มักเกิดขึ้นเป็นอาการลักษณะต่างๆ ที่แตกต่างกันไป โดยที่พบเจอบ่อยจะคล้ายกับอาการถ่านไดชาร์จหมด ซึ่งมีอาการดังนี้ 

  • สตาร์ตรถแล้วเงียบ หลังจากที่บิดกุญแจสตาร์ตรถแล้วเครื่องยนต์ไม่มีเสียงหรืออาการใดๆ สนองตอบ ให้ลองสตาร์ตอีกอย่างน้อย 2-3 ครั้ง หากไม่มีการตอบสนองอีก เป็นไปได้สูงว่าไดสตาร์ตอาจเสีย

  • เครื่องยนต์ติดยาก อาจเกิดจากระบบไฟฟ้ามีปัญหา จนทำให้ไดสตาร์ตไม่มีกำลังพอที่จะให้เครื่องยนต์ทำงาน

  • ไดสตาร์ตไม่หมุน เป็นกรณีที่มีกระแสไฟฟ้าเพียงพอต่อการทำงาน แต่สตาร์ตเครื่องยนต์ไม่ติด อาจเกิดจากไดสตาร์ตเสียนั่นเอง 

  • ไดสตาร์ตทำงาน แต่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากชุดฟันเฟืองที่เกิดปัญหาหรืออุปกรณ์ภายในไดสตาร์ตเกิดความเสียหาย

สตาร์ตเครื่องติดแต่มีเสียงแปลกๆ

อีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่าไดสตาร์ตเสีย คือหลังจากที่สตาร์ตเครื่องยนต์จะมีเสียงแปลกๆ ซึ่งสาเหตุของเสียงดังกล่าวอาจเกิดจากไดสตาร์ตที่เริ่มมีไฟอ่อนแต่ยังไม่ถึงกับเสีย ดังนั้นหากพบว่ามีเสียงแปลกๆ ควรรีบนำรถเข้าไปเช็ก เพื่อความปลอดภัยต่อการขับขี่

เครื่องยนต์ดับบ่อย

ในระหว่างที่ขับรถอยู่หากพบว่าเครื่องยนต์ดับบ่อย อาจเป็นสัญญาณที่เตือนว่าไดสตาร์ตของคุณใกล้จะเสียเต็มทีแล้ว ควรรีบดำเนินการนำรถเข้าไปตรวจเช็ก เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที 

วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนลงมือซ่อมไดสตาร์ต

หากขับรถแล้ว พบว่ารถมีอาการสตาร์ตไม่ติดคล้ายไดสตาร์ตเสีย สามารถทดลองตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตนเองก่อนเริ่มซ่อมไดสตาร์ตง่ายๆ ดังนี้

  • เช็กแบตเตอรี่ โดยสามารถทำได้ด้วยการสังเกตไฟหน้ารถ ว่ายังส่องสว่างเหมือนเดิมหรือไม่ หากพบว่าไฟหรี่ลง อาจเกิดจากแบตเตอรี่หมด สามารถแก้ไขด้วยการพ่วงแบตเตอรี่แล้วสตาร์ตรถอีกครั้ง 

  • ทำความสะอาดบริเวณขั้วแบตเตอรี่ โดยวิธีทำความสะอาดคือถอดขั้วแบตเตอรี่ จากนั้นใช้แปรงลวดหรือกระดาษทราย ขัดส่วนที่เป็นคราบสกปรกออกเบาๆ แล้วใส่แบตเตอรี่เข้าไปพร้อมขันให้แน่น เพื่อให้การเชื่อมต่อเกิดประสิทธิภาพ

  • เช็กระบบจุดระเบิด หากสตาร์ตรถไม่ติดแต่พบว่าแบตเตอรี่และไดสตาร์ตไม่ได้เสียหาย ปัญหาอาจเกิดจากระบบจุดระเบิดของรถยนต์ เช่น หัวเทียบ สายหัวเทียน และคอยล์จุดระเบิด หากพบว่ามีความเสียหายให้เปลี่ยนอะไหล่ทันที

  • เช็กสายไฟ โดยตรวจสอบดูว่าสายไฟที่เชื่อมต่อกับไดสตาร์ตและแบตเตอรี่ ถ้าพบว่าสายไฟเกิดการหลวมหรือขาด แนะนำให้รีบเปลี่ยนสายไฟใหม่

วิธีแก้ไขเบื้องต้นหากไดสตาร์ตเสีย

หากพบว่ารถของเรานั้นไดสตาร์ตเสียหรือมีอาการไดสตาร์ตเสื่อม เจ้าของรถสามารถซ่อมไดสตาร์ตเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อนนำรถไปให้ช่างซ่อม ด้วยวิธีการดังนี้ 

สตาร์ตรถอย่างรวดเร็ว

วิธีแก้ไขแรก คือให้ลองสตาร์ตรถอย่างรวดเร็ว ด้วยการบิดกุญแจเร็วๆ เพราะแรงกระตุ้นของไฟอาจส่งกำลังเพียงพอให้เครื่องยนต์สามารถสตาร์ตติดได้ ซึ่งทันทีหลังจากที่เครื่องยนต์สตาร์ตติดให้รีบขับรถไปยังศูนย์บริการรถยนต์ เพื่อให้ช่างเช็กเครื่องยนต์และซ่อมไดสตาร์ตโดยทันที

เข็นรถก่อนสตาร์ต

สำหรับวิธีการนี้จะสามารถทำได้เฉพาะรถยนต์ที่เป็นเกียร์กระปุกหรือเกียร์ธรรมดาเท่านั้น โดยให้เริ่มต้นจากการเข้าเกียร์ 1 พร้อมกับเหยียบคลัตช์และบิดกุญแจไปขวาสุด ทันทีที่ไฟหน้าปัดรถเริ่มทำการแสดงผล ให้เร่งความเร็วรถให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จากนั้นจึงปล่อยคลัตช์ แล้วเหยียบคันเร่ง เมื่อเครื่องยนต์ติดให้ทำการแตะเบรกเป็นการประคองไว้เพื่อไปยังอู่ซ่อมรถบริเวณที่ใกล้ที่สุด 

นำโลหะมาเคาะไดสตาร์ต

เป็นอีกวิธีซ่อมไดสตาร์ตไม่ติด โดยจะสามารถทำได้กับรถยนต์ที่เป็นเกียร์ออโต้ วิธีการคือนำอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ เช่น ประแจหรือแม่แรง มาเคาะเบาๆ ประมาณ 3-4 ครั้ง ตรงบริเวณไดสตาร์ต จากนั้นให้ลองสตาร์ตเครื่องยนต์อีกครั้ง ทันทีที่เครื่องยนต์สตาร์ตติดให้รีบดำเนินการนำรถเข้าอู่ซ่อมเพื่อแก้ไข

เทคนิคการดูแลรักษาไดสตาร์ตให้ใช้งานได้นานขึ้น

ใครที่รักรถแล้วไม่อยากให้ไดชาร์ตเสียเร็ว การดูแลรักษาไดสตาร์ต ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น สามารถทำได้ด้วยเทคนิคง่ายๆ ดังนี้

  • ในจังหวะที่บิดกุญแจเพื่อสตาร์ตรถยนต์ เมื่อเครื่องติดแล้วควรปล่อยมือโดยทันที เพราะหากยิ่งบิดแช่ไว้นาน ยิ่งเสี่ยงทำให้ไดสตาร์ตไหม้ได้

  • หมั่นรักษาความสะอาดบริเวณไดสตาร์ต เนื่องจากสิ่งสกปรกที่เข้าไปบริเวณดังกล่าวอาจเข้าไปอุดตันจนทำให้ไดสตาร์ตไม่หมุน หรือทำงานได้ไม่เต็มที่

  • คอยเช็กว่าไม่มีน้ำเข้าไปในไดสตาร์ต เพราะหากมีน้ำซึมเข้าไปบริเวณดังกล่าวอาจทำให้เกิดเป็นสนิม ทำให้ไดสตาร์ตเกิดความขัดข้อง และสตาร์ตไม่ติดในท้ายที่สุด

สรุป

ไดสตาร์ตถือว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ ที่หากเสียหายแล้วอาจทำให้รถยนต์สตาร์ตไม่ติด และส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์อีกด้วย ดังนั้นหากพบว่ารถสตาร์ตไม่ติด หรือมีอาการคล้ายว่าไดสตาร์ตเสีย ควรรีบดำเนินการตรวจสอบให้แน่ใจ และซ่อมไดสตาร์ตเบื้องต้น เพื่อรีบนำรถเข้าศูนย์ซ่อมและรีบดำเนินการซ่อมแซมแก้ไข ทั้งนี้การดูแลไดสตาร์ตให้อยู่กับเราไปนานๆ ก็สามารถทำได้เพียงปรับพฤติกรรมการใช้รถและหมั่นดูแลตรวจเช็กไดสตาร์ตเป็นประจำ 

นอกจากนี้อย่าลืมดูแลรถด้วยอะไหล่ที่มีคุณภาพที่ Autobacs ไม่ว่าจะเป็น ยาง แบตเตอรี่ ไปจนถึงอะไหล่ต่างๆ แบบ ครบ เคลียร์ จบ ทุกเรื่องรถ

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top