Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ต้องดูอะไรบ้าง


วันที่เผยแพร่: 29 เม.ย. 2568

แชร์ไปยัง

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ต้องดูอะไรบ้าง เลือกศูนย์ให้บริการยังไงดี

Key Takeaway

  • การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ คือการตรวจเช็กภายในตัวรถยนต์ว่าต้องบำรุงรักษา หรือเปลี่ยนอะไหล่ส่วนไหนบ้าง เพื่อให้รถใช้งานได้เต็มสมรรถนะ และยืดอายุการใช้งานรถยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

  • การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันจากรถเสีย หรืออะไหล่พังได้

  • เลือกศูนย์ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้ปลอดภัย ควรดูที่ทีมช่างผู้ดำเนินงาน มีบริการที่ครบวงจร พร้อมที่นั่งรอ และต้องมีราคาสมเหตุสมผล หากเป็นพาร์ทเนอร์กับบัตรเครดิตก็จะยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น

  • ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ที่ Autobacs ที่นี่เป็นศูนย์บริการรถยนต์อันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น มีคุณภาพได้มาตรฐาน มีช่างที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร อุ่นใจในทุกการเช็กสภาพแน่นอน



รถยนต์ คือ ยานพาหนะที่ใช้สำหรับการเดินทาง โดยเฉพาะหากคุณต้องออกเดินทางไปไหนมาไหน ก็ควรจะต้องเช็กรถก่อนเดินทางไกลให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เช่น รถเสีย เครื่องดับ หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง แล้วรายละเอียดของการตรวจเช็กสภาพรถยนต์มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ คืออะไร

การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ คือการตรวจสภาพภายในของรถยนต์ตามระยะทางการใช้งานว่าต้องบำรุงรักษาอะไรบ้าง ต้องเปลี่ยนอะไหล่ตัวไหนหรือไม่ เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานขึ้น และทำให้รถสามารถใช้งานได้เต็มสมรรถนะอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนการออกเดินทางไกล

ความสำคัญของการตรวจเช็กสภาพรถยนต์

การตรวจเช็กสภาพรถยนต์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันจากรถเสีย หรืออะไหล่พังได้ นอกจากนี้ ยังทำให้รถยนต์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการบำรุงรักษาตามกำหนดระยะทางการใช้งาน จะทำให้อะไหล่ต่างๆ ของรถทำงานได้อย่างเต็มที่ และช่วยสร้างความอุ่นใจขณะเดินทางอีกด้วย

รวม 10 จุดต้องรู้! สำหรับตรวจเช็กสภาพรถยนต์ด้วยตนเอง

การตรวจเช็กสภาพรถยนต์นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพราะเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยเราได้รวบรวม 10 จุดที่ต้องรู้ สำหรับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์มาฝาก ไปดูกันเลย

1. แบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์เป็นตัวช่วยส่งกระแสไฟฟ้าไปยังส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ ดังนั้น เราจึงต้องเช็กรถก่อนเดินทางไกลทุกครั้ง ด้วยการตรวจดูว่าขั้วแบตเตอรี่กับฉนวนสายไฟมีการเชื่อมต่อกันหรือไม่ มีส่วนไหนชำรุดเสียหายหรือเปล่า และอย่าลืมตรวจเช็กน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด พร้อมทำความสะอาดคราบเกลือที่เกาะอยู่บริเวณขั้วแบตเตอรี่ด้วย

2. ช่วงล่างรถยนต์

ช่วงล่างเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในการเช็กสภาพรถ โดยเฉพาะยางรถยนต์ เพราะเป็นส่วนเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนน ดังนั้น จึงต้องตรวจดูดอกยางว่าเหลือน้อยหรือเปล่า มีรอยแตกลายงา แก้มยางร้าว หรือยางบวมหรือไม่ หากมีก็ต้องรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัย และอย่าลืมตรวจดูอะไหล่ช่วงล่างอื่นๆ ของรถยนต์ด้วย เช่น ลูกหมาก โช้คอัพ เป็นต้น

3. ที่ปัดน้ำฝน

ที่ปัดน้ำฝนแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับทัศนวิสัยในการมองเห็นขณะขับรถยนต์ ดังนั้น จึงควรเช็กรถก่อนเดินทางไกลด้วยการดูว่า ที่ปัดน้ำฝนยังสามารถรีดน้ำได้ดีหรือไม่ มีชำรุด ขาด เปื่อย เสื่อมสภาพหรือเปล่า หากพบจุดบกพร่องก็ควรรีบเปลี่ยนทันที ซึ่งโดยปกติแล้วเราควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนใหม่ทุกๆ 6-12 เดือน

4. ระบบไฟรถยนต์

อีกจุดที่ต้องเช็กสภาพรถก่อนเดินทางไกลคือระบบไฟรถยนต์ เพราะระบบไฟรถยนต์มีส่วนสำคัญอย่างมากในการมองเห็นและการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน ไฟตัดหมอก ทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี ไฟส่องสว่างเต็มที่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการขับขี่

5. ระบบแตรรถยนต์

แตรรถยนต์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เมื่อมีการตรวจเช็กสภาพรถ เพราะแตรรถยนต์มีไว้เพื่อคอยส่งเสียงเตือนรถยนต์คันอื่นๆ บนท้องถนน ที่อาจบังเอิญตัดหน้าเราในระหว่างขับขี่ ดังนั้น อย่าลืมตรวจดูว่าระบบแตรยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ด้วย

6. ใส้กรองอากาศแอร์

ใส้กรองอากาศแอร์มีหน้าที่ดักกรองฝุ่น สิ่งสกปรก และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่อาจดูดเข้ามาในตัวเครื่องยนต์ ดังนั้น เราจึงต้องตรวจเช็กสภาพรถดูว่า แผ่นกรองอากาศของรถเราสกปรกหรือไม่ ต้องทำการเป่าฝุ่นหรือเปล่า หรือถ้าจำเป็นก็สามารถเปลี่ยนตัวใหม่ไปเลยได้เช่นกัน

7. แผงควบคุมรถยนต์ และหน้าปัด

จุดที่ต้องตรวจเช็กสภาพรถยนต์ต่อมา คือ แผงควบคุมรถยนต์และหน้าปัด ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่าง

มากไม่แพ้ส่วนอื่นๆ เพราะเป็นส่วนที่บ่งบอกสถานะการทำงานต่างๆ ของเครื่องยนต์ เช่น ความเร็ว ความร้อนเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง รอบเครื่องยนต์ เลขไมล์ และอื่นๆ โดยจะต้องตรวจให้แน่ใจว่ายังสามารถทำงานได้ตามปกติ

8. ท่อยาง หม้อน้ำ และระบบหล่อเย็น

อีกจุดหนึ่งที่ต้องเช็กสภาพรถ คือ ท่อยาง หม้อน้ำ และระบบหล่อเย็น ซึ่งมีความสำคัญต่อการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ โดยต้องตรวจดูว่าสามารถทำงานได้ปกติหรือเปล่า มีการชำรุดเสียหายหรือไม่ หากไม่แน่ใจสามารถเข้าไปตรวจเช็กรถในศูนย์บริการใกล้บ้านได้

9. น้ำมันเครื่อง และระบบเบรก

น้ำมันเครื่อง และระบบเบรกเป็นอีกจุดหนึ่งที่สำคัญที่ต้องเช็กรถก่อนเดินทางไกลเช่นกัน โดยต้องตรวจดูว่าระดับน้ำมันเครื่องและน้ำมันเบรกอยู่ในจุดที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะหากเหลือน้อย อาจเป็นไปได้ว่ามีการรั่วซึมเกิดขึ้น และต้องเช็กผ้าเบรกด้วยว่าหมดหรือยัง ต้องเปลี่ยนหรือไม่ โดยอาจต้องให้ช่างช่วยตรวจสอบ

10. น้ำมันเกียร์

สำหรับส่วนสุดท้ายที่ควรเช็กสภาพรถก่อนเดินทางไกลคือน้ำมันเกียร์ โดยสามารถทำได้ด้วยการจอดรถในที่ราบและดึงเบรกมือ จากนั้นสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเกียร์ ไล่ตั้งแต่เกียร์ P ไปจึงถึงเกียร์ L ในขณะที่เปลี่ยนเกียร์ควรค้างไว้ในตำแหน่งนั้นๆ สักครู่ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเกียร์ถัดไป เมื่อครบทุกเกียร์แล้วจึงเปลี่ยนกลับเป็นเกียร์ P จากนั้นดึงก้านวัดระดับเกียร์ออกมาเช็ดทำความสะอาด และใส่เข้าไป จากนั้นดึงออกมาใหม่ หากระดับน้ำมันอยู่ต่ำกว่าระดับ Min ควรนำรถไปเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์ทันที

เลือกศูนย์ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ยังไงดี

หากคุณไม่มั่นใจว่าสามารถตรวจเช็กสภาพรถยนต์ด้วยตนเองได้ดีหรือไม่ หรือไม่แน่ใจในส่วนต่างๆ ของรถยนต์ การเลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมีช่างมืออาชีพที่คอยบริการคุณ และมีความรู้เรื่องรถยนต์อย่างแท้จริง โดยการเลือกศูนย์เช็กสภาพรถต้องดูจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. เลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

เพราะกลไกของรถยนต์มีความละเอียดและซับซ้อน จึงต้องเลือกช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสำหรับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้กับคุณ เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยต่อทรัพย์สินและชีวิตของคุณ

2. เลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ที่มีบริการครบวงจร

ควรเลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ที่มีการบริการอย่างครบวงจร เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหลายที่ และยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของศูนย์นั้นๆ ว่ามีเครื่องมือ อุปกรณ์ และช่างที่ชำนาญพร้อมบริการให้กับเรา

3. เลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ที่มีราคาสมเหตุสมผล

อีกหนึ่งปัจจัยสำหรับการเลือกศูนย์เช็กสภาพรถก็คือราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งไม่ควรถูกหรือแพงจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนอะไหล่ที่ไม่จำเป็น หรือหลอกขายอะไหล่ที่ไม่มีคุณภาพ แต่ขายราคาเท่ากับอะไหล่แท้ ดังนั้น จึงต้องตรวจเช็กเครดิตและชื่อเสียงของศูนย์บริการนั้นๆ ให้ดีก่อนเสมอ

4. เลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ที่มีพาร์ทเนอร์บัตรเครดิต

การที่เลือกศูนย์เช็กสภาพรถที่มีพาร์ทเนอร์บัตรเครดิต จะช่วยอำนวยความสะดวกในขั้นตอนของการชำระเงินให้เรา หรือหากเราไม่มีเงินสด แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่หรือซ่อมรถ ก็สามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายแทนก่อนได้

5. เลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ที่มีสถานที่นั่งรอให้บริการ

ศูนย์เช็กสภาพรถที่ดีต้องมีสถานที่นั่งรอให้บริการ หรืออาจเป็นห้องรับรองก็ได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่คุณ และทำให้คุณสามารถเข้ามาตรวจสอบรถยนต์ของตัวเองได้เป็นระยะๆ หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาต่างๆ ก็สามารถถามและแก้ไขได้ทันที

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ที่ Autobacs ดีกว่ายังไง

หากยังไม่รู้ว่าจะเลือกศูนย์เช็กสภาพรถที่ไหนดี เราขอแนะนำที่ Autobacs เพราะเป็นศูนย์บริการรถยนต์อันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น มีคุณภาพได้มาตรฐาน มีช่างที่มีความเชี่ยวชาญ บริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ดูแลช่วงล่างรถยนต์ ผ้าเบรก โช้คอัพ ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เปลี่ยนแบตเตอรี่ ล้างแอร์ อบโอโซนรถยนต์ และบริการอื่นๆ อีกทั้งยังมีบริการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต และมีสถานที่นั่งรอรับบริการที่สะดวกสบายให้คุณอีกด้วย

สรุป

การตรวจเช็กสภาพรถยนต์มีความสำคัญต่อตัวรถ และความปลอดภัยของคุณเป็นอย่างมาก เพราะรถยนต์ที่มีสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่เสมอ จะช่วยทำให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ และรถก็สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ต้องดูในหลายๆ จุด เช่น แบตเตอรี่ ระบบไฟ ระบบเบรก ช่วงล่าง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และอื่นๆ ดังนั้น จึงควรเลือกศูนย์เช็กสภาพรถยนต์ที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพได้มาตรฐาน ช่างมีความชำนาญ และมีความน่าเชื่อถือ

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top