Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

ยางหมดอายุมีลักษณะอย่างไร? คนใช้รถต้องรู้


วันที่เผยแพร่: 15 พ.ค. 2568

แชร์ไปยัง

Key Takeaway

  • ยางที่หมดอายุมักมีรอยแตกลายงาที่แก้มยาง เนื้อยางแข็งกระด้าง ดอกยางสึกจนเกือบเรียบ หรือมีรอยบวมปูดผิดรูปทรง

  • วิธีสังเกตยางหมดอายุสามารถตรวจดูรอยแตกที่แก้มยาง วัดความลึกดอกยาง (ไม่ควรต่ำกว่า 1.6 มม.) ทดสอบความยืดหยุ่นด้วยการกดเล็บ และสังเกตอาการรถสั่นหรือลื่นไถลผิดปกติ

  • หากยังใช้ยางหมดอายุ อาจเพิ่มโอกาสยางระเบิดกะทันหัน ระยะเบรกยาวขึ้น ควบคุมรถยากโดยเฉพาะบนถนนเปียก และสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น

  • ยืดอายุการใช้งานของยางได้ด้วยการตรวจเช็กลมยางเป็นประจำทุกเดือน ขับรถนุ่มนวล ไม่กระชากหรือเบรกแรง สลับยางทุก 10,000 กม. และหลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด



ใครที่มีรถก็คงอยากให้รถของตัวเองอยู่กับเราไปนานๆ โดยเฉพาะยางรถที่เป็นส่วนสำคัญในการขับขี่ แต่รู้หรือไม่ว่า ยางที่หมดอายุจะมีลักษณะอย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว? เพราะการขับรถที่ใช้ยางหมดอายุอาจนำไปสู่อันตรายที่คาดไม่ถึง วันนี้เราจะมาแชร์วิธีสังเกตง่ายๆ ว่ายางหมดอายุมีลักษณะอย่างไร พร้อมบอกความเสี่ยงและเคล็ดลับยืดอายุยางรถให้ใช้งานได้นานขึ้น ไปดูกัน!

วิธีดูยางหมดอายุมีลักษณะอย่างไร?

ปกติแล้วยางรถจะใช้งานได้ประมาณ 2-3 ปี หรือวิ่งได้ราว 30,000 กิโลเมตร แต่จะทราบได้อย่างไรว่ายางเริ่มหมดอายุแล้ว มาดูสัญญาณเตือนกันว่ายางที่หมดอายุจะมีลักษณะอย่างไร

แก้มยางมีแผล หรือมีรอยร้าว

วิธีสังเกตว่ายางเริ่มเก่าแล้ว คือจะเห็นรอยแตกเล็กๆ คล้ายลายงาที่แก้มยาง ซึ่งเกิดจากการเสื่อมสภาพของยางตามอายุการใช้งาน และการโดนแสงแดด ความร้อน หรือโอโซนในอากาศ ยิ่งรอยแตกเยอะและลึก แสดงว่ายางหมดอายุ และควรเปลี่ยนทันที

ยางบวมผิดรูป

เมื่อพบยางมีตุ่มนูนขึ้นมา อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าโครงสร้างภายในของยางเสียหาย อาจเกิดจากการกระแทกรุนแรง  ยางหมดอายุ หรือยางหมดสภาพจนโครงสร้างด้านในแยกตัว ดังนั้น ควรเปลี่ยนยางทันที เพราะเสี่ยงที่ยางจะระเบิดระหว่างขับขี่ได้

ดอกยางเริ่มอยู่ระดับเดียวกับสะพานยาง

เมื่อใช้งานไปนานๆ ดอกยางจะค่อยๆ สึกลงจนแบนเรียบ วิธีเช็กยางหมดสภาพดูยังไง ให้สังเกตดอกยางรถถ้าเหลือน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร หรือสังเกตว่าดอกยางอยู่ในระดับเดียวกับสะพานยาง (เส้นยางที่อยู่ระหว่างร่องดอกยาง) หรือไม่ ถ้าเป็นตามที่กล่าวมานั่นแสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางแล้ว

เนื้อยางรถแข็งกระด้าง

ยางใหม่จะมีความยืดหยุ่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปยางจะค่อยๆ แข็งขึ้น สามารถเช็กง่ายๆ โดยใช้นิ้วกดที่หน้ายาง ถ้ายางไม่ยุบตัวหรือแทบไม่เห็นรอยเล็บเมื่อใช้เล็บขีด แสดงว่ายางเริ่มหมดอายุ โดยยางที่แข็งเกินไปจะลดประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและเพิ่มระยะเบรก

ยางไม่เกาะถนนขณะขับขี่

หากขับรถแล้วรู้สึกว่ารถสั่นผิดปกติ หรือลื่นไถลง่ายเวลาฝนตก อาจเป็นสัญญาณว่ายางเริ่มหมดอายุ ยางที่เสื่อมสภาพจะสูญเสียคุณสมบัติในการยึดเกาะถนน ทำให้การควบคุมรถยากขึ้น โดยเฉพาะในสภาพถนนเปียกหรือลื่น

ความเสี่ยงจากการใช้ยางหมดอายุ

หลายคนอาจคิดว่าขับไปก่อนและเปลี่ยนทีหลัง แต่การใช้ยางหมดอายุมีความเสี่ยงหลายอย่างที่คาดไม่ถึง ดังนี้

  • ยางระเบิดกะทันหัน โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือในวันที่อากาศร้อนจัด ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้

  • เบรกไม่อยู่ ยางที่สึกหรอมากจะทำให้ระยะเบรกยาวขึ้น เพิ่มโอกาสชนท้ายหรือไม่สามารถหยุดรถได้ทันเวลา

  • รถลื่นไถลง่าย โดยเฉพาะบนพื้นเปียกหรือถนนลาดชัน ทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น

  • กินน้ำมันมากขึ้น ยางที่ไม่อยู่ในสภาพดีจะเพิ่มแรงเสียดทาน ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ

  • เสียเงินซ่อมรถเพิ่ม ยางที่หมดอายุอาจส่งผลกระทบต่อระบบช่วงล่างและทำให้ชิ้นส่วนอื่นสึกหรอเร็วขึ้น

เทคนิควิธีการยืดอายุยางรถยนต์

วิธีการรักษายางรถให้ใช้งานได้นานขึ้น สามารถตรวจเช็กยางก่อนหมดอายุได้ด้วยตัวเอง ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ดังนี้

ตรวจแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง

ลมยางน้อยหรือมากเกินไปทำให้ยางสึกหรือยางหมดอายุเร็ว ควรตรวจแรงดันลมยางเดือนละครั้ง และเติมให้พอดีตามที่คู่มือรถแนะนำ ทำเมื่อยางเย็น (ไม่ได้ขับมาใหม่ๆ) จะได้ค่าที่แม่นยำ

งดการเบรกกะทันหัน

พฤติกรรมการขับรถมีผลมากต่ออายุยางทั้งการออกตัวเร็ว เบรกกะทันหัน หรือเลี้ยวหักศอก ซึ่งทำให้ยางหมดอายุเร็วกว่าปกติหลายเท่า ฝึกขับอย่างนุ่มนวลจะช่วยยืดอายุยางได้มาก

หมั่นสลับยางอยู่เสมอ

ยางแต่ละเส้นสึกไม่เท่ากันรวมถึงยางหมดอายุไม่เท่ากันเช่นกัน ล้อหน้ามักสึกเร็วกว่าล้อหลัง การสลับยางช่วยให้ยางสึกสม่ำเสมอกันและใช้งานได้นานขึ้น ควรทำทุก 6 เดือนหรือประมาณ 10,000 กิโลเมตร

อย่าลืมตั้งศูนย์ถ่วงล้อและเช็กยางเป็นประจำ

ศูนย์ล้อที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้ยางหมดอายุไม่เท่ากัน อาจมีบางจุดสึกเร็วผิดปกติ ดังนั้นควรตั้งศูนย์ล้อปีละครั้งหรือเมื่อสังเกตเห็นว่ารถมีอาการดึงไปด้านใดด้านหนึ่ง

เลี่ยงการบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน

น้ำหนักมากเกินไปกดทับยางมากเกินกว่าที่ออกแบบไว้ ทำให้ยางเสื่อมสภาพ และหมดอายุเร็ว รวมถึงเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดและอาการยางแท่นเครื่องเสื่อม ดังนั้นควรบรรทุกของให้พอดีกับพิกัดน้ำหนักที่รถรับได้นั่นเอง

ควรจัดเก็บยางรถยนต์อย่างถูกวิธี

หากมียางอะไหล่หรือยางที่ถอดเก็บไว้ แนะนำเก็บในที่ร่มแห้ง ไม่ควรโดนแดดหรือฝน และวางในแนวตั้งหรือแขวน ไม่ควรวางราบนานๆ เพราะจะทำให้ยางเสียรูปทรงและทำให้ยางหมดอายุได้

สรุป

การรู้จักสังเกตยางหมดอายุมีลักษณะอย่างไรจะช่วยให้คุณเปลี่ยนยางได้ทันท่วงที ไม่ต้องเสี่ยงกับอันตรายบนท้องถนน สัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจ ได้แก่ แก้มยางแตกลายงา ยางบวมผิดรูป ดอกยางตื้นเกินไป ยางแข็งกระด้าง และรถไม่นิ่งขณะขับขี่

การใช้ยางหมดอายุนั้นเสี่ยงต่อยางระเบิด เบรกไม่อยู่ รถลื่นไถล กินน้ำมันมากขึ้น และต้องซ่อมรถบ่อย ดูแลยางรถให้ดีด้วยการตรวจลมยางเป็นประจำ ขับรถนุ่มนวล สลับยางตามกำหนด ตั้งศูนย์ล้อปีละครั้ง ไม่บรรทุกของหนักเกิน และเก็บยางอะไหล่อย่างถูกวิธี

หากสังเกตว่ายางรถเริ่มหมดอายุ อย่ารอช้าเพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ควรนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการมืออาชีพอย่าง Autobacs ที่มีบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 25 รายการ พร้อมให้คำแนะนำโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทาง

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top