Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

รถยางรั่วเกิดจากอะไร ขับต่อได้ไหม เช็กให้ชัวร์!


วันที่เผยแพร่: 20 พ.ค. 2568

แชร์ไปยัง

รถยางรั่วเกิดจากอะไร ขับต่อได้ไหม เช็กยางรถให้ชัวร์! ก่อนออกเดินทาง

Key Takeaway

  • สัญญาณของอาการรถยางรั่ว ได้แก่ ยางจะเริ่มมีลมอ่อนลง ยางแบน ยางฝืดระหว่างขับขี่ และมีความต้านทานระหว่างขับเคลื่อน ถ้าหากยางรั่วระหว่างขับขี่ สังเกตได้ว่าพวงมาลัยจะเริ่มควบคุมยาก แล้วหมุนไปยังทางใดทางหนึ่งตลอดเวลา ตัวรถก็เริ่มหน่วงขึ้น แถมยังมีอัตราการเผาผลาญน้ำมันสิ้นเปลืองเยอะขึ้นอีกด้วย

  • รถยางรั่วเกิดจากยางรถถูกของมีคม การกระแทกที่เกิดจากการตกหลุม และเจอถนนต่างระดับบ่อยๆ ขอบยางชำรุดเสียหาย ขับรถยนต์ตอนลมยางรถอ่อนมาก ยางรถยนต์เสียหาย ชำรุด แต่กลับใช้รถต่อทันที หรือจุกปิดเติมลมได้รับความเสียหาย จึงทำให้ลมยางรั่วออกมาได้ตลอดเวลา

  • เพื่อป้องกันปัญหารถยางรั่ว  จึงควรเติมลมยางตามสเปครถ เช็กจุกปิดลมยางเสมอ เช็กลมยางทุกครั้งก่อนนำรถไปใช้งาน ไม่ควรขับรถให้รถกระแทกบ่อยๆ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป หากรถยางรั่วไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ให้เติมลมยาง และนำไปซ่อมทันที


หากรถยางรั่ว ผู้ใช้งานรถยนต์จะยังสามารถขับต่อได้หรือไม่ และควรรับมืออย่างไรหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น เพื่อป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทำให้ทุกการขับขี่สะดุด ควรเช็กยางรถยนต์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เตรียมความพร้อมต่าง ๆ ก่อนเดินทางเสมอ แนะนำให้มาดูวิธีเช็กลมยางรถยนต์ รู้วิธีรับมือ และแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเรื่องยางรถยนต์ได้ในบทความนี้

ลักษณะของยางรถยนต์ที่ดี พร้อมใช้งาน

ลักษณะของยางรถยนต์ที่ดี ที่พร้อมในทุก ๆ การเดินทาง จะต้องเป็นยางรถที่มีลมยางพร้อมอยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้ลมยางรถอ่อน และยางต้องแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ ดูด้วยตาเปล่าก็จะเห็นทันทีว่าไม่มีร่องรอยการแตก หรือการสึกกร่อนของตัวยางและดอกยาง ทำให้การวิ่งรถยนต์ทางไกลมีประสิทธิภาพการใช้งานอย่างสูงสุด

อาการของยางรถยนต์รั่ว

สัญญาณของอาการรถยางรั่วนั้น ผู้ใช้งานรถยนต์สามารถตรวจสอบเช็กยางได้เองทันทีว่าตัวยางรถยนต์มีอาการรั่วซึมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถอยู่นิ่ง ๆ หรือขณะขับขี่ก็จะทราบได้อย่างแน่นอน ดังนี้

  • ยางรถจะเริ่มมีลมอ่อนลงเยอะมาก ยางแบนอย่างเห็นได้ชัด 

  • ระหว่างการขับขี่มีความฝืด และต้านทานการขับเคลื่อน 

  • หากยางรั่วซึมระหว่างขับขี่ พวงมาลัยจะเริ่มควบคุมยาก จะมีการหมุนไปยังทางใดทางหนึ่งเองตลอดเวลา 

  • รู้สึกว่าตัวรถหน่วงขึ้น อัตราการเผาผลาญน้ำมันสิ้นเปลืองเยอะขึ้นอีกด้วย

รถยนต์ยางรั่ว เกิดจากอะไร

ปัญหารถยนต์ยางรั่ว เกิดได้จากหลายปัจจัยในระหว่างการเดินทาง และยังเป็นปัญหารถยนต์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งขณะจอดรถทิ้งไว้นิ่ง ๆ หรือขณะขับเคลื่อนรถยนต์อยู่ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอาการยางซึมแต่ไม่รั่ว หรืออาการยางรถรั่วซึมเลยนั้น มีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

  • ความเสียหายที่ได้รับเข้าไปยังตัวล้อรถยนต์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการถูกของมีคมต่าง ๆ บนท้องถนนปักกระแทกเข้าไป หรือการถูกทิ่มแทงด้วยของแข็งอื่น ๆ ระหว่างการเดินทางทางธรรมชาติ เช่น ก้อนหิน เป็นต้น หรือจะเป็นความเสียหายจากการกระแทกของล้อรถยนต์ที่ตกหลุมและเจอความต่างระดับของท้องถนนอยู่บ่อย ๆ เป็นการกระแทกกับพื้นที่โดยตรงก็ตาม

  • ขอบยางเกิดการชำรุดเสียหาย อาจมีวัตถุเล็ก ๆ ที่กระเด็นเข้าไปอุดร่องดอกยางการวิ่งต่าง ๆ มานาน และยังคงวิ่งรถไปเรื่อย ๆ ก็จะส่งผลให้ยางเกิดการรั่วซึมได้

  • วิ่งรถยนต์ตอนที่มีลมยางรถอ่อนมาก

  • ยางรถยนต์มีความเสียหายผิดรูป หรือเกิดการชำรุดโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็ก และต้องมีการใช้รถต่อทันที

  • จุกปิดเติมลมหายไป หรือได้รับความเสียหาย ความเสื่อมสภาพ ทำให้ลมยางรั่วออกมาได้ตลอดเวลา 

วิธีเช็กลมยางรถยนต์แบบง่าย ๆ ป้องกันยางรั่วบนถนน

วิธีเช็กลมยางรถยนต์แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองก่อนออกเดินทาง และพร้อมรับมือป้องกันปัญหายางรั่วบนถนน สามารถทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ช่างในการตรวจเช็กใด ๆ ทั้งสิ้น มีวิธีเช็กยางรถเพื่อพิจารณาความพร้อมหรือควรเข้าศูนย์ก่อน ดังนี้

1. เช็กลมยาง ในขณะลมเย็น

ตรวจสอบลมยางเมื่อรถยนต์ได้จอดทิ้งไว้ดับเครื่องสนิทตั้งแต่ 3 ชั่วโมงขึ้นไป จะเรียกว่าเป็นลมยางเย็น มีความเสถียรในการวัดค่ามากกว่า หรือหากมีการใช้งานรถยนต์ภายในวันนั้น ๆ ก่อนตรวจเช็กลมยางด่วน แต่ใช้งานรถยนต์ไม่ถึง 1.6 กิโลเมตร ก็ถือว่าเป็นลมยางเย็นเหมือนกัน เพราะหากไม่เลือกเช็กลมยางตอนที่เป็นลมเย็น ยางจะมีแรงดันที่อัดสูงจากการใช้งานรถมาก่อน ค่าจะผิดพลาด ตรวจสอบไม่แม่นยำ อีกทั้งยังอาจเกิดความเสียหายเพิ่มเติมระหว่างเช็กยางได้อีกด้วย

2. อ่านค่าเช็กลมยาง

การเช็กลมยางรถยนต์นั้น ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือช่างใด ๆ ทั้งสิ้น สามารถตรวจสอบผ่านตัวเติมลมดิจิตอลตามปั๊มน้ำมัน หรือศูนย์บริการด้านยานยนต์ได้ทั้งหมด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งอัตราของลมยางที่เหมาะสมและเป็นมาตรฐานจะขึ้นอยู่กับรถแต่ละประเภท เหมือนกับเวลาเราต้องปรับค่าตัวเลขเติมลมยางตามปั๊ม ดังนี้

  • รถยนต์ขนาดเล็ก ใช้ค่าลมยางที่ 25 – 30 psi

  • รถยนต์ขนาดกลางทั่วไป ใช้ค่าลมยางที่ 30 – 35 psi

  • รถกระบะ และรถประเภท SUV ใช้ค่าลมยางที่ 30 – 40 psi

  • รถบรรทุกประเภทกระบะขนย้าย ใช้ค่าลมยางที่ไม่ควรเกิน 65 psi

  • รถตู้เดินทาง ใช้ค่าลมยางที่ 43 – 55 psi 

3. เติมลมยางตามสเปครถยนต์

สำหรับมาตรฐานการเติมลมยาง และการคงอัตราค่าลมยางให้มีความสม่ำเสมอของรถยนต์แต่ละคัน ต้องดูว่าใช้ยางรถขนาดปกติที่เหมาะกับตัวรถอยู่แล้ว หรือมีการปรับขนาด ลดขนาดของยางลง ก็ต้องเปลี่ยนอัตราลมยางตามขนาดของเส้นยางที่เลือก แต่แนะนำว่าควรเลือกเป็นขนาดเส้นยางที่เป็นมาตรฐานกับประเภทของรถยนต์ที่ใช้งานอยู่จะทำให้คุณภาพ และอายุการใช้งานของตัวยาง รวมถึง เครื่องยนต์ มีประสิทธิภาพมากกว่า ป้องกันอุบัติเหตุได้โดยตรง ไม่ก่อให้เกิดโอกาสเรื่องรถยางรั่วได้บ่อย ๆ

โดยปริมาณลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถแต่ละรุ่น สามารถเช็กได้ที่สติกเกอร์ โดยสามารถสังเกตได้ที่ด้านข้างของประตูฝั่งคนขับ ซึ่งจะมีสติกเกอร์ที่แสดงแรงดันลมที่เหมาะสมอยู่ จะมีลักษณะเป็นสติกเกอร์สี่เหลี่ยมเล็กๆ โดยจะมีค่าการเติมลมทั้งล้อหน้า และล้อหลัง ซึ่งในรถบางคัน ก็มีระบุด้วยว่ามีคนนั่งกี่คน ควรเติมลมเท่าไร หรือหากบรรทุกของหลังรถ ควรเติมลมเท่าไร

ยางรถยนต์รั่วป้องกันได้อย่างไร 

ยางรถยนต์รั่วเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันรับมือได้ ไม่ว่าจะเกิดเหตุยางรถรั่วระหว่างขับขี่เดินทาง หรือเกิดปัญหานี้ก่อนการเดินทางก็ตาม เป็นหนึ่งในปัญหารถยนต์ที่สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว และแนะนำให้ผู้ใช้รถเช็กยางทุกครั้งที่ใช้งาน เพื่อการป้องกันอุบัติเหตุก่อน ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง ดังนี้

  • เติมอัตราลมยางรถยนต์ให้ตรงกับมาตรฐานของประเภทรถยนต์ และประเภทของยาง โดยสามารถดูได้จากหัวข้อข้างต้นได้เลย

  • ตรวจสอบจุกปิดลมยางว่ามีการเสียหายชำรุดหรือไม่ เพื่อป้องกันการรั่วซึมของยาง

  • ตรวจเช็กอัตราลมยางทุกครั้งก่อนนำรถออกไปใช้งาน สามารถตรวจจากเครื่องมือการเช็กลมยางโดยตรง หรือนำไปตรวจสอบกับเครื่องเติมลมที่ปั๊มน้ำมัน รวมถึงการขอเข้ารับการตรวจเช็กลมยางฟรีที่ศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs ได้เลย

  • ไม่ควรขับรถให้เกิดการกระแทก อย่างพื้นที่ที่เป็นหลุมบ่อ เป็นพื้นถนนที่มีความต่างระดับเยอะ ๆ 

  • ไม่ควรใช้ความเร็วมากในการขับ เพราะจะทำให้ตัวอย่างเกิดความเสียหายได้ง่ายมาก มีโอกาสที่ยางจะชำรุดผิดรูปได้ง่ายด้วยเช่นกัน

  • หากรู้ว่ายางซึม มีลมรั่วออกมาอยู่ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ แนะนำให้เติมลมยางเพิ่มแล้วหาศูนย์บริการเพื่อดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขทันที

ยางรั่ว แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างไร

หากขณะขับรถแล้วเกิดยางรั่ว ผู้ขับขี่ต้องตั้งสติให้นิ่งก่อน ไม่ต้องตกใจ สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ ดังนี้

  • เริ่มจากการประคองพวงมาลัยตั้งตรงไปยังทิศทางการควบคุมที่ต้องการก่อน เพราะเมื่อยางมีการรั่วซึมนั้น พวงมาลัยรถยนต์จะเริ่มมีการเอียงไปทางใดทางหนึ่งหนักมาก ซึ่งถ้ายางรั่วซึมแค่อย่างเดียว ให้ตบไฟฉุกเฉินแล้วประคองรถไปยังศูนย์บริการที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที 

  • แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง มีการเสียหายของล้อรถยนต์หนัก ๆ จนทำให้ยางแตก ห้ามจอดรถโดยเด็ดขาด ให้ประคองสติแล้วค่อย ๆ ชะลอความเร็ว ประคองคันเร่งเบา ๆ พร้อมกับตบไฟฉุกเฉินค้างไว้แล้วหาจังหวะจอดข้างทางอย่างลื่นไหลที่สุด หากยางแตกแล้วมีการเบรกทันทีจะทำให้รถพลิกคว่ำได้เลย และก่อความเสียหายเป็นวงกว้างในท้องถนนอีกด้วย 

ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดยางรั่ว หรือยางแตก สิ่งสำคัญที่สุดคือสติ และการประคองพวงมาลัยกับการเลี้ยงคันเร่งเบา ๆ นั่นเอง

หากรถยนต์ยางรั่ว ยังขับต่อได้หรือไม่?

สามารถทำได้ แต่แรงหนืดในการเคลื่อนที่จะเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงไม่แนะนำให้ฝืนวิ่งรถต่อไป ถึงแม้ว่าจะสามารถประคองทรงตัวพวงมาลัยไว้ได้ก็ตาม แนะนำให้เข้าศูนย์บริการรถยนต์ทันที ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งเครื่องรถยนต์ และการเผาผลาญน้ำมันอย่างสิ้นเปลือง หรือจะส่งผลต่อความเสียหายต่อช่วงล่างรถยนต์ นอกจากนี้ เส้นยางและล้อรถยนต์ทั้งหมดจะได้รับความเสียหาย จึงไม่แนะนำให้ฝืนขับต่อเด็ดขาด หรือถ้าไม่มีศูนย์บริการใกล้เคียง แนะนำให้เข้าจอดรถริมทางไว้ก่อน แล้วติดต่อไปยังศูนย์บริการรถยนต์เพื่อขอความช่วยเหลือและรับการดูแลแก้ไขปัญหาทางยานยนต์อย่างถูกต้อง

ยางซึมแต่ไม่รั่วเป็นอย่างไร ต่างกันหรือไม่?

หากพูดถึงอาการรถยางรั่วก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าลมยางของรถยนต์หมดลง และไม่สามารถวิ่งรถต่อได้ แต่อาการยางซึมแต่ไม่รั่วนี้จะมีลักษณะของการถูกปล่อยลมยางออกมาตลอดเวลา ถึงแม้ว่ารถจะยังใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าวิ่งเต็มประสิทธิภาพตลอดเส้นทาง และยังคงมีปัญหาจุกจิกเกิดบ่อย ๆ ในการขับรถ ซึ่งอาการยางซึมนี้มักจะมาจากการที่ยางได้รับความเสียหายจากของมีคม วัตถุต่าง ๆ ที่เข้ามากระแทก กรีด สร้างแผลไว้ยังตัวยาง รวมถึง จุกปิดลมยางหายไป หรือเกิดความเสียหายเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บลมยางไว้ได้ จึงมีการรั่วไหลของลมยางอยู่ตลอดเวลา 

สำหรับปัญหายางซึมสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้จากการเข้าเติมลมเพิ่มเข้าไปก่อน แล้ววิ่งให้ถึงศูนย์บริการรถยนต์ จากนั้นจึงดำเนินการซ่อมบำรุงต่อไป 

สรุป

รถยางรั่วจะเป็นปัญหาที่สามารถเห็นได้ตั้งแต่รถที่ยังจอดอยู่ หรือเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นระหว่างเดินทางได้ โดยการเช็กลมยางรถยนต์ทุกครั้งก่อนออกเดินทางเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด แต่ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ยางรั่วขณะขับรถอยู่ แนะนำให้ตั้งสติไว้ แล้วประคองพวงมาลัยที่จะเสียการบังคับขึ้นมาบ้าง แต่ตัวรถก็ยังสามารถวิ่งได้ปกติ แล้วแนะนำให้ประคองคันเร่งลดความเร็วลง เปิดไฟฉุกเฉิน พร้อมประคองรถไปยังศูนย์บริการรถยนต์ใกล้ที่สุดทันที หากไม่ต้องการให้เกิดปัญหายุ่งยากแบบนี้ก็ควรเช็กยางสม่ำเสมอ สามารถนำรถมาตรวจเช็กได้ที่ Autobacs ศูนย์บริการรถยนต์ที่ครบวงจรทุกด้าน หรือหากต้องการเปลี่ยนยางใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานรถยนต์มากที่สุด และเป็นยางคุณภาพโดยตรงจากแบรนด์ผู้ผลิต ก็สามารถเข้ารับบริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีใบรับรองผ่านการอบรมของเราที่นี่ได้เช่นกัน

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top