-01.jpg)
รู้จักเกียร์ออโต้ การขับขี่ง่ายและสะดวกสบาย
วันที่เผยแพร่: 15 พ.ค. 2568
Key Takeaway
เกียร์ออโต้ (Automatic Transmission) คือ ระบบเกียร์ที่เปลี่ยนเกียร์เองอัตโนมัติตามความเร็วและแรงบิดของเครื่องยนต์
ระบบการทำงานของเกียร์ออโต้ คือ เกียร์จะเปลี่ยนเองอัตโนมัติ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคลัตช์หรือเลือกเกียร์ ขณะที่เกียร์ธรรมดา ผู้ขับขี่ต้องเหยียบคลัตช์และเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง
ข้อดีของรถเกียร์ออโต้ คือ ช่วยให้ผู้ขับขี่มือใหม่สามารถขับได้ง่ายขึ้น ทั้งในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นหรือการเดินทางไกล พร้อมทั้งช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่และทำให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากขึ้น
สำหรับเทคนิคการขับรถเกียร์ออโต้ ผู้ขับขี่ควรเลือกใช้งานเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเกียร์ขณะรถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ใช้เบรกมือร่วมกับเกียร์ P เพื่อป้องกันการไหลของรถ และไม่ใช้เกียร์ N ขณะรถกำลังเคลื่อนที่ เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่
รถยนต์เกียร์ออโต้ เป็นหนึ่งในรถที่คนนิยมใช้งาน เพราะใช้งานง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ โดยเฉพาะในการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด มาเจาะลึกถึงข้อดีของระบบเกียร์ออโต้ที่หลายคนอาจมองข้าม แล้วมาดูว่าเกียร์ออโต้คืออะไร มีสัญลักษณ์ในการใช้งานอย่างไรบ้าง และแตกต่างจากเกียร์ธรรมดาอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ!
เจาะลึก! เกียร์ออโต้ คืออะไร
เกียร์ออโต้ (Automatic Transmission) คือ ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ ที่ทำหน้าเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ตามความเร็วและแรงบิดของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคลัตช์หรือเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนเกียร์เหมือนเกียร์ธรรมดา
ประเภทของเกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้วเกียร์ออโต้สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ที่มีลักษณะและวิธีการทำงานแตกต่างกันไป ดังนี้
ระบบเกียร์คอนเวอร์เตอร์
เกียร์คอนเวอร์เตอร์ เป็นระบบเกียร์ออโต้ที่ใช้คอนเวอร์เตอร์และน้ำมันในการส่งถ่ายกำลัง ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กำลังเครื่องยนต์มากกว่าระบบเกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์จึงทำงานได้นุ่มนวล ช่วยให้เกียร์ทำงานได้ราบรื่น ไม่มีการกระชาก และทำให้ขับขี่สะดวกสบายในทุกสภาพจราจร
ระบบเกียร์แบบ CVT (Continuously Variable Transmission)
ระบบเกียร์ออโต้แบบ CVT คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง โดยเกียร์จะทำหน้าที่เปลี่ยนเกียร์ไปเรื่อยๆ ตามอัตราเร่งของรถยนต์ ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและราบรื่นขึ้น ไม่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงอาการกระตุกเวลาเปลี่ยนเกียร์ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้มากกว่าระบบเกียร์ออโต้แบบดั้งเดิม
เกียร์ออโต้ VS. เกียร์ธรรมดา ต่างกันอย่างไร
หลายคนมักมีคำถามสงสัยว่า เกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนดีกว่ากัน ในหัวข้อนี้จะมาตอบข้อสงสัยที่ทุกคนอยากรู้ เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่ของคุณ
ระบบการทำงาน
ระบบการทำงานของเกียร์ออโต้ ใช้ระบบในการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติตามรอบเครื่องรถยนต์ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์เอง ส่วนระบบการทำงานของเกียร์ธรรมดา จะทำงานโดยใช้คลัตช์เพื่อส่งกำลังก่อนเปลี่ยนเกียร์ และผู้ขับขี่ต้องเปลี่ยนเกียร์เองตามรอบเครื่องยนต์
การใช้งาน
รถเกียร์ออโต้ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้ขับขี่มือใหม่ เพียงแค่เข้าเกียร์ D (Drive) ก็สามารถขับไปได้เลย หากต้องการหยุดรถ เพียงแตะเบรกรถก็จะชะลอหรือหยุดได้ทันที ทำให้สะดวกสบายและลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองที่ต้องจอดและออกตัวบ่อย หรือคนที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางไกล
ส่วนการใช้งานเกียร์ธรรมดา ผู้ขับขี่ต้องเรียนรู้การเหยียบคลัตช์และเปลี่ยนเกียร์เอง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการขับขี่ เนื่องจากมีรอบเครื่องยนต์ที่แปรผันตามกำลัง ทำให้เหมาะกับการขับขี่ทางไกล ขึ้นเนิน ขึ้นเขา หรือในเส้นทางที่ต้องใช้แรงบิดสูง
ค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษา
ค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงรักษาของรถเกียร์ออโต้ มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะระบบเกียร์มีความซับซ้อนกว่า หากดูแลไม่ถูกต้องอาจทำให้เกียร์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงรักษาของเกียร์ธรรมดาจะมีราคาถูกกว่า เพราะระบบเกียร์ไม่ซับซ้อน มีความทนทานและสามารถซ่อมแยกส่วนได้ง่าย
ข้อดีของเกียร์ออโต้
ข้อดีของเกียร์ออโต้ที่นอกจากช่วยให้ขับขี่สะดวกสบายแล้ว ก็ยังมีข้อดีอื่นๆ ที่ควรรู้ ดังนี้
ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเกียร์เอง เพราะระบบเกียร์ออโต้จะเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติให้เหมาะสมกับความเร็ว และรอบเครื่องยนต์ตามการขับขี่
ขับขี่ได้ง่ายและควบคุมรถได้ง่ายกว่า เพียงแค่เหยียบคันเร่งเพื่อออกตัว หรือแตะเบรกเพื่อหยุดหรือชะลอรถ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์เอง
ลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ เพราะไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคลัตช์บ่อยๆ ทำให้ลดความเมื่อยล้าเวลาขับรถในเมืองหรือขับรถสภาพจราจรติดขัด
เทคโนโลยีในการขับขี่ มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับ ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายในทุกเส้นทาง เช่น ทางลาดชัน ขึ้นเนิน หรือขึ้นภูเขา
ไม่ต้องเลี้ยงคลัตช์เหมือนเกียร์ธรรมดา จึงช่วยลดความยุ่งยากในการขับขี่ เพราะไม่ต้องคอยเหยียบและปล่อยคลัตช์เองเมื่อเปลี่ยนเกียร์หรือออกตัว
ช่วยประหยัดน้ำมันมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องเลี้ยงคลัตช์ จึงทำให้ลดการสูญเสียพลังงานน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของเกียร์ออโต้
แม้ว่าเกียร์ออโต้จะให้ความสะดวกสบายและช่วยให้ขับขี่ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อเสียอื่นๆ ที่ควรพิจารณา ดังนี้
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูงกว่าเกียร์ธรรมดา เพราะรถเกียร์ออโต้มีระบบการทำงานที่ซับซ้อน หากเกิดปัญหา เช่น น้ำมันเกียร์รั่ว ระบบเกียร์พัง จะทำให้ราคาซ่อมสูงขึ้นและใช้เวลานานกว่าการซ่อมเกียร์ธรรมดา
ระบบเกียร์พังได้ง่ายกว่า เนื่องจากรถเกียร์ออโต้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับอัตราเร่งที่เร็วเกินกำหนด ทำให้การลากรอบเครื่องสูงบ่อยๆ ติดต่อกัน การขับกระชากและเร่งเครื่องแรงเกินไป จะทำให้เกิดความร้อนสะสม ส่งผลให้ระบบเกียร์พังได้ง่ายกว่าปกติ
เทคนิคการขับขี่รถเกียร์ออโต้ให้ปลอดภัย
การขับรถเกียร์ออโต้แม้ว่าจะสะดวกสบาย แต่หากขับไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนคนอื่นได้ ดังนั้น การเรียนรู้เทคนิคการขับรถเกียร์ออโต้ให้ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ขับขี่รถได้อย่างปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
เข้าใจตำแหน่งเกียร์
ก่อนที่จะเริ่มขับรถเกียร์ออโต้ ผู้ขับขี่ก็ควรรู้และเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งเกียร์ออโต้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้สามารถใช้เกียร์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย โดยมีตำแหน่งเกียร์หลักๆ ดังนี้
P (Park)
เกียร์ P (Park) คือ เกียร์ที่ใช้สำหรับหยุดรถหรือจอดรถ โดยเมื่อเข้าตำแหน่งเกียร์ P ระบบจะล็อกล้อรถยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์เคลื่อนที่
R (Reverse)
เกียร์ R (Reverse) คือ เกียร์ถอยหลัง เมื่อผู้ขับขี่เข้าตำแหน่งเกียร์ R รถยนต์จะถอยหลังอย่างช้าๆ ให้อัตโนมัติ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ทั้งนี้ ในการถอยหลังก็ควรเลี้ยงเบรก เพื่อควบคุมความเร็วและป้องกันการถอยหลังเร็วเกินไป
N (Neutral)
เกียร์ N (Neutral) คือ เกียร์ว่าง สำหรับจอดรถชั่วคราว ซึ่งล้อรถจะไม่ถูกล็อก และเครื่องยนต์จะไม่ส่งกำลังไปยังล้อ จึงนิยมใช้ในการจอดรถติดไฟแดง จอดในห้าง หรือสถานการณ์ที่ต้องจอดรถขวางหน้ารถคันอื่นเพื่อทำให้คนอื่นสามารถเข็นรถออกได้ง่ายขึ้น
D (Drive)
เกียร์ D (Drive) คือ เกียร์เดินหน้า เป็นเกียร์ที่ใช้สำหรับการออกตัวของรถ เมื่อเข้าตำแหน่งเกียร์ D เครื่องยนต์จะส่งกำลังไปยังล้อ และทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอัตโนมัติด้วยความเร็วต่ำ แต่หากเหยียบคันเร่ง รถจะเพิ่มความเร็วขึ้นตามแรงกดของคันเร่ง และจะเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติตามรอบเครื่องยนต์และความเร็วของรถ
L หรือ S (Low/Second)
เกียร์ L (Low) , S (Second) และ เกียร์ B (Break) คือ เกียร์ต่ำที่ใช้ในเส้นทางที่มีความลาดชันสูง เช่น การขึ้นเขาและลงเขา โดยการทำงานของเกียร์เหล่านี้ จะใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก หรือใช้ระบบ Engine Brake ช่วยชะลอความเร็วรถ แทนการใช้เบรกตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าเบรกไหม้
หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเกียร์ผิดจังหวะ
การเปลี่ยนเกียร์ผิดจังหวะระหว่างเกียร์ D ไป R หรือ P ขณะรถยังเคลื่อนที่ อาจทำให้รถเกิดแรงกระชากจนทำให้ระบบเกียร์เสียหายและรถเสียการควบคุมได้ หากต้องการเปลี่ยนเกียร์ ควรรอให้รถจอดสนิทก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบเกียร์ทำงานผิดพลาด และช่วยให้ผู้ขับขี่ขับได้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
ใช้เบรกมือร่วมกับเกียร์ P
เมื่อต้องจอดรถในที่ลาดชันตามห้างหรือตามเนินเขา การใช้เบรกมือร่วมกับเกียร์ P จะช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่โดยไม่ตั้งใจ และลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการรถไหลไปข้างหน้าหรือรถไหลไปข้างหลัง
อย่าใช้เกียร์ N ขณะรถกำลังเคลื่อนที่
การใช้เกียร์ N ขณะขับขี่ จะทำให้ผู้ขับขี่เสียการควบคุมรถ เนื่องจากไม่สามารถใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรกได้ และต้องใช้เบรกเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ดังนั้น การเข้าเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ ก็จะช่วยให้ควบคุมความเร็วและใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดูแลรักษาระบบเกียร์ออโต้
การดูแลรักษาระบบเกียร์ออโต้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รถทำงานได้อย่างราบรื่น และช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ ซึ่งจะมีวิธีดูแลรักษาอย่างไรบ้าง มาดูกัน
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะ
น้ำมันเกียร์ช่วยในการหล่อลื่นและระบายความร้อน ผู้ใช้รถจึงควรตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์และควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะที่กำหนด เพื่อให้เกียร์มีน้ำมันหล่อลื่นเพียงพอ ซึ่งช่วยลดการเสียดทาน ลดความร้อนสะสมในระบบเกียร์ และยืดอายุการใช้งานของเกียร์ได้ในระยะยาว
หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องยนต์ขณะจอดอยู่กับที่
การเร่งเครื่องยนต์ขณะจอดอยู่กับที่และไม่มีการเคลื่อนที่ของรถยนต์ จะทำให้ระบบเกียร์ทำงานหนัก เพราะต้องส่งกำลังไปยังเครื่องยนต์ ส่งผลให้น้ำมันเกียร์ร้อนเกินไปและเกียร์อาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ จึงควรหลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องยนต์ขณะรถจอดอยู่เพื่อไม่ให้เกียร์ต้องทำงานหนักเกินไป
หลีกเลี่ยงการลากจูงหนักเกินไป
เนื่องจากรถเกียร์ออโต้ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ปกติและบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักไม่มาก หากนำรถไปลากจูงหรือบรรทุกของหนักเกินไป จะทำให้เกียร์และเครื่องยนต์ทำงานเกินกำลัง ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสม และทำให้ระบบต่างๆ สึกหรอเร็วกว่าปกติ ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานในลักษณะนี้เพื่อป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของรถ
ตรวจสอบอาการผิดปกติ
สิ่งสำคัญในการใช้งานรถเกียร์ออโต้และระบบเกียร์อื่นๆ คือ หมั่นตรวจสอบอาการผิดปกติของตัวรถ เช่น เปลี่ยนเกียร์แล้วรู้สึกติดขัด เครื่องยนต์เสียงดังผิดปกติ หรือไม่สามารถใช้งานเกียร์ได้ครบทุกเกียร์ หากพบว่ามีอาการผิดปกติควรนำรถไปตรวจเช็กโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการที่มีความน่าเชื่อถือทันที
เกียร์ออโต้ขึ้นเขาใช้เกียร์อะไร?
การขับรถขึ้นเขาด้วยเกียร์ออโต้นั้น ควรเริ่มต้นด้วยเกียร์ D และหากเส้นทางลาดชัดมาก ควรปรับเป็นเกียร์ D2 หรือ D1 ตามระดับความชันในขณะนั้น โดยเกียร์ D1 เป็นเกียร์ต่ำ ที่เหมาะกับเส้นทางที่มีความลาดชันมาก ส่วน เกียร์ D2 เป็นเกียร์ต่ำแบบ D1 แต่เหมาะกับเส้นทางที่มีความลาดชันน้อยกว่า
เกียร์ออโต้ S คืออะไร?
เกียร์ออโต้ S (Sport) คือ เกียร์โหมดสปอร์ต ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการตอบสนองกำลังของเครื่องยนต์ ช่วยเร่งความเร็วในการขับขี่ เร่งแซงรถคันหน้า รวมถึงการขับรถขึ้น ลงเขา หรือเส้นทางลาดชัน โดยโหมดนี้จะช่วยชะลอความเร็วของรถเพื่อลดการใช้เบรก ซึ่งช่วยป้องกันอาการเบรกไหม้หรือเบรกแตกได้
วิธีเปลี่ยนเกียร์ออโต้ขณะขับขี่
เมื่อเปลี่ยนเกียร์ออโต้ขณะขับขี่ ควรทำด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสลับเกียร์ไปมาขณะรถวิ่งด้วยความเร็วสูง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบเกียร์และช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย เช่น เมื่อรถอยู่ในเกียร์ D และต้องการออกตัว ควรค่อยๆ เพิ่มความเร็วเพื่อป้องกันรถพุ่งไปข้างหน้า
ถ้าต้องการถอยหลัง ให้เหยียบเบรกก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเกียร์ R เมื่อต้องการชะลอความเร็ว ควรค่อยๆ เหยียบเบรกเพื่อให้ลดความเร็วได้คงที่ หรือขณะจอดติดไฟแดง ควรเหยียบเบรกหรือเปลี่ยนเป็นเกียร์ N ส่วนการขับบนทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ต่ำ เช่น D1 หรือ D2 เพื่อเพิ่มแรงหน่วงและช่วยควบคุมรถได้ดีขึ้น
เวลาใส่เกียร์ออโต้ต้องเหยียบเบรกไหม?
ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าหรือถอยหลัง ควรเหยียบเบรกก่อนทุกครั้ง แล้วจึงดึงคันเกียร์ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้รถเกิดอาการกระตุก ที่อาจทำให้เกียร์สึกหรอเร็วกว่าปกติ และป้องกันไม่ให้รถไหลโดยไม่ตั้งใจ
สรุป
เกียร์ออโต้ (Automatic Transmission) คือ ระบบเกียร์ที่เปลี่ยนเองอัตโนมัติตามความเร็วและแรงบิดของเครื่องยนต์ จึงทำให้ขับขี่สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งข้อดีหลักๆ ของรถเกียร์ออโต้ ช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ ทำให้เหมาะกับการขับขี่ในเมืองมากกว่า ขณะเดียวกันก็มีข้อเสียเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่มากเช่นกัน ดังนั้น ผู้ขับขี่จึงควรใช้งานด้วยความระมัดระวัง ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักหรือการลากจูง เพื่อยืดอายุการใช้งานของระบบเกียร์และระบบเครื่องยนต์ต่างๆ ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
สำหรับคนที่ต้องการดูแลเกี่ยวกับระบบเกียร์ออโต้ สามารถนำรถยนต์เข้ามารับบริการได้ที่ Autobacs ซึ่งมีบริการตรวจเช็กและดูแลรักษารถยนต์ทุกประเภท พร้อมให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการดูแลระบบเกียร์และการขับขี่อย่างปลอดภัย